จากนักการเงินบริษัทหลักทรัพย์ที่ก้าวเข้ามาเป็น CFO ของ กสท เมื่อ ม.ค. 2549 ตามนโยบายรัฐที่ให้ กสท เตรียมพร้อมเข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์ และก้าวขึ้นเป็น CEO ที่อายุน้อยที่สุดของรัฐวิสาหกิจโทรคมระดับบิ๊กอย่าง กสท โทรคมนาคม เมื่อ 16 ก.ย. 2552 วันนี้(21 พ.ย.) บอร์ดของบริษัทอนุมัติใบลาออกของ “จิรายุทธ รุ่งศรีทอง” เรียบร้อยแล้ว โดยจะมีผลในวันที่ 15 ธ.ค. นี้ “ประชาชาติธุรกิจ” พาเปิดใจอะไรทำให้ CEO ที่เป็นหัวเรี่ยวหัวแรงสำคัญผลักดันให้เกิดสัญญาให้บริการโทรศัพท์เคลื่อน ที่รูปแบบใหม่ระหว่าง กสท กับกลุ่มทรูคอร์ปอเรชั่น ตัดสินใจยื่นใบลาออก ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้แม้จะมีกระแสกดดันหรือเลื่อยขาเก้าอี้รุนแรงแค่ไหน ก็ยังยืนหยัดเป็นเบอร์ 1 ขององค์กรได้ตลอด 2 ปี 2 เดือน



@ทำไมถึงตัดสินใจลาออก

การลาออกครั้งนี้ไม่ได้ถูกกดดัน ไม่ได้มีการส่งสัญญาณจากใครให้ออก แต่ต้องการเปิดโอกาสให้บอร์ดชุดใหม่ที่เพิ่งเข้ามารับตำแหน่งได้พิจารณาความ เหมาะสมในการทำงานตามนโยบาย คือที่ผ่านมาผมทำงานกับหลายรัฐมนตรีไอซีที แต่รัฐบาลหรือครม. ยังเป็นชุดเดิม แต่เมื่อมีการเปลี่ยนรัฐบาลใหม่ เปลี่ยนบอร์ดใหม่ จึงเห็นว่าเป็นจังหวะที่ควรจะลาออกเพื่อเปิดโอกาสให้บอร์ดได้พิจารณาคนที่ เหมาะสมกว่า



@เป็นผลจากสัญญาที่ทำกับทรู?

ไม่เกี่ยวครับ ผมยังยืนยันว่าทุกอย่างเป็นไปตามกระบวนการที่ถูกต้อง และสัญญานี้ก็จะช่วยแก้ปัญหาธุรกิจมือถือของ กสท ที่มีปัญหามานาน เพื่อจะสร้างรายได้ที่ยั่งยืนและลดความเสี่ยงของบริษัทในระยะยาวได้ เพราะนี่จะเป็นการปรับกระบวนการขยายโครงข่ายของบริษัท จากเดิมที่จะขยายไปเรื่อยๆ ให้เป็นการขยายตามดีมานต์ของลูกค้าที่เกิดขึ้นจริง ซึ่งจะไม่ทำให้ความจุของโครงข่ายเหลือทิ้งไว้เฉยๆ และเป็นการทำธุรกิจในรูปแบบขายส่ง ซึ่งเป็นจุดแข็งของ กสท ไม่ใช่การขายปลีกให้ลูกค้าโดยตรง ซึ่งเป็นเรื่องที่คู่แข่งของเราชำนาญและทำธุรกิจได้เร็วกว่าเรา



@แต่ก็ทำให้ถูก ปปช. ตั้งทีมสอบ

มันยังไม่ได้เป็นคดีหรือมีการฟันธงชี้มูลความผิด และไม่ได้กล่าวหาผมแค่คนเดียว เพราะอำนาจในการลงนามสัญญาอยู่ที่บอร์ดจะอนุมัติด้วย ตอนนี้กระบวนการต่างๆ ก็เดินหน้าต่อไปตามปกติ จนถึงวันนี้ก็ยังไม่ได้มีการเรียกผมหรือบอร์ดไปสอบ มีเพียงให้ส่งเอกสารชี้แจงเพิ่มเติมไป ซึ่งก็ได้ส่งไปให้หมดแล้ว มันยังไม่มีอะไร แล้วก็ไม่ได้กังวลว่าจะกระทบกับการไปสมัครงานที่อื่นด้วย



@ลาออกแบบนี้จะกระทบกับโครงการ 3G ของ กสท?

การเปิด 3G ไม่ได้ขึ้นอยู่กับคนเพียงคนเดียว ตอนนี้ก็มีการรีวิวแผนกันอยู่เพราะปัญหาน้ำท่วมทำให้ต้องเลื่อนการเปิดตัว ออกไปอีก น่าจะเป็นช่วง ธ.ค. แต่ยังไม่ได้กำหนดวัน ขึ้นอยู่กับความพร้อมของโครงข่ายและระบบ เพราะสีสันลูกเล่นการตลาดตอนนี้อยู่ที่ระบบพรีเพด แต่บิลลิ่งของเรายังทำได้แต่โพสต์เพด ก็ต้องมาปรับระบบให้ได้ก่อน



@มีงานใหม่แล้ว?

ยังไม่ได้เริ่มสมัครที่ไหนเลย ยังไม่มีใครทาบทาม หรือตัดสินใจอะไร แต่คงไม่อยู่ในแวดวงโทรคม เพราะสัญญาจ้างระบุห้ามไว้ และก็คงไม่ทำงานที่เกี่ยวกับราชการอีก เพราะกฎระเบียบเยอะ ความรับผิดชอบเยอะ เหนื่อยมากกว่าจะผลักดันได้แต่ละโครงการ



@CEO ใหม่ของ กสท ควรเป็นแบบไหน

ต้องเป็นคนที่เข้าใจปัญหาของ กสท ของอุตสาหกรรม ของธุรกิจที่ กสททำอยู่ และต้องทำงานร่วมกับพนักงาน ผู้บริหาร และบอร์ดของ กสท ได้ดี รวมถึงต้องเข้าใจธุรกิจโทรคมว่าปัจจัยความสำเร็จคืออะไร



@ปัญหาของ กสท คือ?

กสท ขาดความคล่องตัวในการทำธุรกิจมีสภาพการแข่งขันสูง คือเป็นปัญหาทั้งในส่วนของกระบวนการธุรกิจ ที่ส่วนใหญ่ยังอิงกับระบบราชการอยู่มาก ส่งผลให้วัฒนธรรมองค์กรยังต้องอยู่ใต้กรอบของกฎระเบียบต่างๆ ง่ายๆ อย่างโครงการ FTTX (เคเบิลใยแก้วความเร็วสูง) ถ้าเป็นเอกชนป่านนี้เปิดให้บริการไปได้นานแล้ว แต่ กสท กว่าจะอนุมัติโครงการต้องเข้าสภาพัฒน์ ต้องไปครม. นี่ ครม. อนุมัติมา 2 ปีแล้วก็ต้องดึงไปรีวิวใหม่อีก สุดท้ายก็ยังไม่ได้ทำ ทั้งหมดเป็นปัญหาที่ไม่ได้แก้ด้วยระยะเวลาสั้นๆ เป็นปัญหาที่แก้ยาก



@ความสำเร็จในธุรกิจโทรคมคือ?

ธุรกิจในบริการโทรคมปัจจุบันตอนนี้แทบแยกความแตกต่างไม่ออก ลักษณะของบริการพื้นฐานต่างๆ เหมือนๆ กันหมด ความสำเร็จจึงอยู่ที่จะทำให้เกิดมูลค่าเพิ่ม รู้จักความต้องการของลูกค้าและตอบสนองได้เร็วแค่ไหน เพราะลูกค้าในปัจจุบันมีตัวเลือกเยอะมาก



@ที่ผ่านมาทำงานได้ดั่งใจ?

กับความตั้งใจตอนแรกที่จะมาเป็น CEO จนวันนี้ ยังทำไม่ได้ดั่งใจเท่าไร เพราะงานแต่ละอย่างต้องใช้เวลาผลักดันเยอะ บางอย่างก็ยังไม่เห็นผลว่า เราได้ตัดสินใจมาถูกทางแล้วหรือไม่ จริงๆ ก็อยากจะอยู่ให้เห็นผลนะ แต่จังหวะมันยังไม่ได้ แต่จนวันนี้ก็ยังมั่นใจว่าบริหารมาถูกทางแล้ว



@ประทับใจอะไรที่สุดใน กสท

ความพยายามของพนักงานที่จะร่วมมือกันหามาตรการรองรับอนาคตของบริษัทที่ใน อีก 2 ปีข้างหน้าจะต้องนำรายได้ส่วนแบ่งสัมปทานทั้งหมดส่งเข้าคลังโดยตรง ซึ่งจะมีผลให้ กสท ต้องขาดทุนทันที 2 -3 พันล้านบาท คือเขาตระหนักและตื่นตัวเรื่องนี้มากว่าจะส่งผลกระทบบริษัทอย่างต่อเนื่อง หากบัญชีบริษัทติดลบ ทั้งการขออนุมัติเงินลงทุนโครงการใหม่ๆ หรือแม้แต่จะให้กระทรวงการคลังอนุมัติจ่ายโบนัสให้พนักงาน พนักงานและผู้บริหารจึงร่วมมือร่วมใจกันเริ่มเตรียมแผนปูนทางจะพลิกฟื้น บริษัท


@ห่วงอะไรใน กสท ที่สุด

ก็เรื่องที่อีก 2 ปีต้องส่งรายได้สัมปทานเข้ารัฐ แต่ก็เชื่อว่าได้เตรียมแผนมาถูกทางแล้วที่มีสัญญาธุรกิจมือถือรูปแบบใหม่ เพราะนอกจากต้องส่งเงินสัมปทานเข้ารัฐแล้ว ก.ย. 2556 สัมปทานของทรูมูฟและดีพีซีก็จะหมดไป ซึ่งตาม พ.ร.บ. กสทช. ระบุว่า กสท ต้องคืนคลื่นให้ กสทช. ไปจัดสรรใหม่ด้วย ซึ่งการจัดสรรจะทำได้โดยการประมูลเท่านั้น จึงเท่ากับว่าโอกาสที่ กสท จะประมูลคลื่นได้แทบเป็นศูนย์ เพราะเราต้องยื่นโครงการขออนุมัติจากสภาพัฒน์ จาก ครม. เท่ากับเปิดตัวเลขงบให้ทุกคนรู้หมด โอกาสจะประมูลชนะจึงไม่มี บริษัทจึงต้องมีรูปแบบธุรกิจอื่นๆ