ความ นิยมของแท็บเลตและสภาวะเศรษฐกิจในสหรัฐ ทำให้อนาคตของธุรกิจคอมพิวเตอร์พีซีดูจะไม่สดใสนัก จากข้อมูลของบริษัทวิจัยชื่อดัง "การ์ทเนอร์" ล่าสุดเมื่อวันที่ 12 ต.ค.ที่ผ่านมา พบว่า ยอดส่งเครื่องคอมพิวเตอร์พีซีทั่วโลกในไตรมาส 3 ปี 2554 เติบโตน้อยกว่าที่คาดการณ์ไว้ โดยมีอัตราการเติบโตเพียง 3.2% คิดเป็นจำนวน 91.8 ล้านเครื่อง จากเดิมที่ประเมินไว้ว่าน่าจะเติบโต 5.1%

สาเหตุ หลักที่ทำให้การเติบโตของตลาดพีซีต่ำกว่าเป้า "การ์ทเนอร์" มองว่า ได้รับผลกระทบหลักมาจากยอดขายที่ลดลงในภูมิภาคยุโรป, ตะวันออกกลาง และแอฟริกา โดยเฉพาะอย่างยิ่งในแถบยุโรปตะวันตก "แรนจิท แอทวอล" หัวหน้าฝ่ายวิจัย บริษัทการ์ทเนอร์ระบุว่า ยุโรปตะวันตกไม่ได้ผจญกับปัญหาสินค้าคงเหลือมากเกินไปเพียงอย่างเดียว แต่ยังมีเรื่องความวุ่นวายเกี่ยวกับสภาพเศรษฐกิจเข้ามาเสริมด้วย ขณะที่ยอดขายพีซีในตลาดอเมริกายังทำได้น้อยกว่าที่คาดการณ์ไว้มาก โดยเฉพาะในช่วงไตรมาส 2 ที่ผ่านมา

ยังไม่นับความกังวลเรื่องภาพรวม เศรษฐกิจในขณะนี้ ที่ทำให้ผู้บริโภคตลอดจนองค์กรธุรกิจต่าง ๆ ชะลอกำลังซื้อและการลงทุนจากการคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจจะแย่ลง

"แม้ คอมพิวเตอร์พีซีจะยังคงเป็นตลาดที่มีความสำคัญ ทั้งสำหรับผู้บริโภคทั่วไปและกลุ่มองค์กร แต่ความถี่ ในการซื้อสินค้าอาจลดลงเพราะจะมีอุปกรณ์ไอทีชนิดอื่นที่สามารถใช้ทดแทนกัน ได้ออกมาดึงดูดใจผู้บริโภคมากกว่า"

"แรนจิท" อธิบายเพิ่มเติมว่าผู้บริโภคโดยเฉพาะกลุ่มคนรุ่นใหม่อาจมีมุมมองที่แตกต่าง ออกไป โดยมีความเป็นไปได้ว่าอาจไม่ซื้อพีซีเป็นอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ชิ้นแรกอีกต่อไป หรืออาจ มองว่าไม่ใช่เรื่องจำเป็น ขณะที่ผู้บริโภค ที่มีอยู่เดิมมีแนวโน้มว่าจะยืดอายุการ ใช้งานของเครื่องเดิมให้นานขึ้น เช่นเดียวกับร้านขายพีซีหรืออุปกรณ์ไอทีที่เน้นมาตรการซ่อมสินค้ามากกว่า เปลี่ยนทั้งชิ้น

"มิคาโกะ คิตากาวา" นักวิเคราะห์อีกรายจากการ์ทเนอร์เสริมว่า ตลาดคอมพิวเตอร์พีซีจะอ่อนแอลงอย่างต่อเนื่อง เพราะกระแสความนิยมอุปกรณ์ประเภทคอมพิวเตอร์ที่ไม่ใช่พีซี เช่น สมาร์ทโฟน หรือแท็บเลต โดยจะเข้ามาแย่งเม็ดเงินของผู้บริโภคไปจากตลาดพีซี ซึ่งที่ผ่านมาเห็นได้ชัดเจนว่าสินค้าประเภท มีเดียแท็บเลตทำให้ตลาดพีซีเปลี่ยนแปลง ไปอย่างมาก

กรณีชัดเจนที่สุด คือ การที่บริษัท ฮิวเลตต์ แพคการ์ด หรือเอชพี ตัดสินใจปรับกลยุทธ์ธุรกิจเกี่ยวกับสินค้าพีซีของตน เปรียบได้กับการส่งสัญญาณให้เห็นว่าผู้ผลิตพีซีกำลังปรับตัวให้เข้ากับตลาด ที่เปลี่ยนแปลงไป หรือไม่ก็ต้องพิจารณาออกจากตลาดนี้ไป

มากกว่าการ เติบโตที่ลดลง แม้ในปัจจุบันตำแหน่งมือวางอันดับ 1 ในตลาดพีซีโลก ณ ไตรมาส 3 ปีนี้จะยังคงเป็นของ "เอชพี" โดย "เอชพี" มีอัตราการเติบโต 5.3% มากกว่าการเติบโตของตลาดรวม และยังคงมีการเติบโตสูงในตลาดสหรัฐอเมริกา

ปรากฏ ว่าคอมพิวเตอร์แบรนด์ดังจากประเทศจีน "เลอโนโว" ไม่เพียงมีอัตราการเติบโตแบบก้าวกระโดดมากกว่า 25.2% หากเทียบกับปีที่แล้วยังสามารถชิงตำแหน่งมือวางอันดับ 2 ในตลาดพีซีโลก แซงหน้า "เดลล์" ไปได้แล้ว โดยปัจจุบันเลอโนโวนี้ส่วนแบ่งตลาดที่ 13.5% เบียดเดลล์ร่วงลงไปเป็นที่ 3 ด้วยส่วนแบ่งตลาดที่ 11.6% และมีอัตราการเติบโตลดลง 1.4% หากเทียบกับปีที่ผ่านมา

"การ์ทเนอร์" ยังให้ข้อมูลด้วยว่า ผลประกอบการของเดลล์ตกต่ำกว่าภาพรวมของตลาดในทุกภูมิภาค เนื่องจากบริษัทต้องเผชิญกับการแข่งขันที่เข้มข้นขึ้นมาก

นอกจากนี้ "การ์ทเนอร์" ได้ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า แอปเปิลยังคงรักษาอัตราการเติบโตมากที่สุดในบรรดาผู้ผลิตคอมพิวเตอร์ในสหรัฐ อเมริกา โดยมีการเติบโตมากถึง 21.5% ณ ไตรมาส 3 ของปีนี้ และมีส่วนแบ่งการตลาดอยู่ที่ 12.9% ซึ่งการ์ทเนอร์มองว่าสินค้าหลักที่เป็นตัวผลักดันให้ยอดขายแอปเปิลเติบโตได้ อย่างน่าประทับใจคือยอดขายเครื่อง "แมคบุ๊ก แอร์"