User Online ( 1 ) 
 ระบบสมาชิก  ตั้งเป็นหน้าแรก  แจ้งโอนเงิน
 ตะกร้าสินค้า ( 0 Item ) 
Home » ข่าว » ฟรอสต์ แอนด์ซัลลิแวน เผยผลวิจัย ไอซีที มีโอกาสเติบโตสูง ในอุตสาหกรรมโลจิสติกส์
 
 ค้นหาสินค้า
 ตู้ Close Rack (31)
 ตู้ Wall Rack (9)
 ตู้ Open Rack (5)
 ตู้ Rack Accessories (39)
 สายLAN(UTP) สายแลน (183)
 เครื่อง Server (35)
 เครื่องสำรองไฟ UPS (62)
 
 สมัครสมาชิกจดหมายข่าว
สมัครรับจดหมายข่าว รับข้อเสนอพิเศษ จากร้านค้า
 ข่าว

ฟรอสต์ แอนด์ซัลลิแวน เผยผลวิจัย ไอซีที มีโอกาสเติบโตสูง ในอุตสาหกรรมโลจิสติกส์

ฟรอสต์แอนด์ ซัลลิแวนคาดการณ์เทคโนโลยีสื่อสารไอทีมีโอกาสเติบโตสูงในอุตสาหกรรม โลจิสติกส์ไทยที่จำเป็นต้องใช้เทคโนโลยีเข้าช่วยเพื่อการเติบโตสูงในอนาคต เพื่อยกระดับประเทศไทยเป็นศูนย์กลางการขนส่งระหว่างประเทศ (transhipment hub) รองรับการเปิดเสรีทางการค้าอาเซี่ยน (ASEAN Free Trade Agreement) เนื่องจากโลจิสติกส์ไทยมีอนาคตดีจากกิจกรรมของอุตสาหกรรมมีอัตราการเติบโต สูงและประเทศไทยอยู่ในทำเลที่ตั้งที่ดี แต่ต้องใช้เทคโนโลยีช่วยเพิ่มศักยภาพการแข่งขัน

คาวาน มุตยา หุ้นส่วนบริษัทและผู้เชี่ยวชาญพิเศษ ด้านโลจิสติกส์ ภูมิภาคอาเซียน จาก บริษัท ฟรอสต์ แอนด์ ซัลลิแวน องค์กรให้คำปรึกษาและวิจัยระดับโลก กล่าวในการบรรยาย “โอกาสและความท้าทายของประเทศไทยบนเวทีโลจิสติกส์อาเซียน” ณ ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค เมื่อเร็วๆ นี้ว่า การเติบโตทางด้านโครงสร้างพื้นฐานการขนส่งทางอากาศ รวมทั้งสถานที่ตั้งของประเทศไทยที่ดีเยี่ยม อาทิ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิที่เยี่ยมยอดจะส่งเสริมตำแหน่งของประเทศไทยในตลาดการ ขนส่งทางอากาศแห่งภูมิภาคอาเซียน ซึ่งประเทศไทยต้องใช้เทคโนโลยีสื่อสารไอทีที่ล้ำหน้า เนื่องจากประเทศไทยยังมีการใช้เทคโนโลยีสื่อสารไอทีในอุตสาหกรรมโลจิสติกส์ ในระดับต่ำด้วยอัตราที่น้อยกว่า 30% โดยเฉพาะการบริหารคลังสินค้า การใส่บาร์โค้ด และระบบการจัดการขนส่ง การใช้เทคโนโลยีต่างๆ อาทิ RFID / ระบบป้ายสินค้าอัจฉริยะ และ GPS / ระบบติดตามยานพาหนะ ในอาเซียน ยังคงถูกใช้ในระดับต่ำ ซึ่งมีผู้ใช้โลจิสติกส์ใช้เทคโนโลยีเหล่านี้น้อยกว่า 30%”

นอกจากนี้ บริษัทโลจิสติกส์จากนานาชาติอาจเลือกประเทศไทยเป็นศูนย์กลางดำเนินการของ ภูมิภาคของพวกเขาในการให้บริการลูกค้าทางด้านอุตสาหกรรมรถยนต์ เนื่องจากบริษัทรถยนต์ต่างชาติ อาทิ เจนเนอรัล มอเตอร์ส และโตโยต้า ได้เลือกประเทศไทยเป็นศูนย์กลางการผลิตแห่งภูมิภาคเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

เขายังกล่าวด้วยว่า การจัดจ้างบริษัทภายนอกแบบดั้งเดิม อาทิ การขนส่ง, freight forwarding และคลังสินค้า เป็นสิ่งที่ต้องการมากที่สุดหลังจากการจัดทำกิจกรรมโลจิสติกส์ในปี 2554 บริการเสริมต่างๆ อาทิ การบรรจุกล่องและป้ายสินค้า, reverse logistics, fleet management และ order picking ได้ถูกจัดอยู่ 1 ใน 10 อันดับของการจัดจ้างบริษัทภายนอกสำหรับอุตสาหกรรมโลจิสติกส์ในอาเซี่ยน”

ในปี 2553 ตลาดขนส่งและโลจิสติกส์ ในประเทศไทยมีมูลค่าประมาณ 1.95 พันล้านบาท

คาวาน กล่าวย้ำว่า ข้อตกลงเสรีทางการค้าอาเซี่ยน (ASEAN Free Trade Agreement) มีส่วนช่วยอย่างมากในการลดข้อกีดกันและทำให้การค้าในภูมิภาคอาเซี่ยนมีอิสระ มากขึ้น การให้บริการอย่างมีอิสระอยู่ในกำหนดการของอาเซี่ยนที่จะต้องบรรลุภายในต้น ปี 2558

การยกระดับข้อกีดกันทางการค้าท่ามกลางประเทศสมาชิกจะช่วยให้ผู้ให้บริการ สามารถเสนอบริการครบวงจรที่ซับซ้อนและมีประสิทธิภาพมากขึ้น บริษัทต่างชาติจะถูกโน้มน้าวให้ลงทุนในภูมิภาคเนื่องจากความสะดวกในการทำ ธุรกิจ รวมทั้งประเทศอาเซี่ยนต่างมีทำเลอนู่ในศูนย์กลางและเข้าถึงได้ง่ายจากประเทศ ส่งออกทั้งหมด อาทิ อินเดีย ญี่ปุ่น บัลกลาเทศ ส่งผลให้ภูมิภาคเป็นศูนย์กลางทางด้านโลจิสติกส์และศูนย์กลางธุรกิจ ภูมิภาคอาเซี่ยนเป็นเสมือนศูนย์กลางอำนวยให้สินค้าถูกขนย้ายจากศูนย์กลางทาง เศรษฐกิจหนึ่งไปอีกที่หนึ่ง


ดังนั้น บทบาทของการเป็นศูนย์กลางการขนส่งระหว่างประเทศ ถูกคาดว่าจะให้โอกาสทางธุรกิจที่ดีแก่อุตสาหกรรมโลจิสติกส์ในภูมิภาคอาเซี่ยน

เขายังกล่าวเพิ่มเติมว่า “ระบบขนส่งครบวงจรเป็นสิ่งสำคัญสำหรับประเทศในอาเซี่ยนในการพิสูจน์ความ สามารถทางเศรษฐกิจ ซึ่งจะช่วยในการสร้างให้อาเซี่ยนเป็นตลาดเดียวที่มีการขนส่งสินค้า บริการ ทุนและแรงงานได้อย่างเสรี ซึ่งจะช่วยกระตุ้นอุตสาหกรรมโลจิสติกส์ในท้ายที่สุด การให้บริการที่มีประสิทธิภาพของผู้ให้บริการทางด้าน 3PL (3PL providers) ขึ้นกับโครงสร้างพื้นฐาน อาทิ ถนน การสื่อสาร ท่าเรือและสนามบิน ระดับโครงสร้างพื้นฐานในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ แตกต่างจากสิงคโปร์ ซึ่งตั้งตำแหน่งตนเองเป็นศูนย์กลางของ supply chain management

เนื่องจากครบครันด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกและโครงสร้างพื้นฐานระดับมาตรฐานโลก ระดับปัจจุบันของโครงสร้างพื้นฐานของประเทศมาเลเซีย ประเทศไทย อินโดนีเซีย และฟิลิปปินส์ อยู่ในระดับปานกลางถึงก้าวหน้า ส่วนประเทศกัมพูชา เวียดนาม ลาวและพม่าอยู่ในระดับกำลังพัฒนา

จาก ผลการสำรวจผู้ใช้ทางด้านโลจิสติกส์พบว่าเหตุผลที่ทำให้พวกเขาต้องจ้างผู้ให้ บริการมากกว่าหนึ่งรายหรือเปลี่ยนผู้ให้บริการด้านโลจิสติกส์ เนื่องจากการให้บริการที่จำกัด ค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้น และพื้นที่การให้บริการที่จำกัด ผู้ใช้ให้คุณค่าสำคัญที่ความสะดวก มูลค่าเพิ่มของบริการโดยปราศจากค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้น “ผู้ให้บริการโลจิสติกส์ควรขยายขอบเขตการให้บริการและให้ความสำคัญอย่างมาก ที่คุณภาพเพื่อดึงดูดลูกค้าให้มากเพิ่มขึ้น”

ยิ่งไปกว่านั้น คาวาน ได้แสดงความยินดีกับ 3 บริษัทที่ชนะรางวัล Export Logistics Model Award 2011 (ELMA 2011) เนื่องจากมีการใช้เทคโนโลยีไอทีในกระบวนการโลจิสติกส์เป็นปัจจัยหลัก ได้แก่ บริษัท เอสซีจี โลจิสติกส์ แมเนจเม้นท์ จํากัด ผู้ชนะรางวัลประเภทการจัดการโลจิสติกส์ของกลุ่มผู้ให้บริการโลจิสติกส์ (ขนาดใหญ่), บริษัท ฮาซเคม โลจิสติกส์ แมเนจเมนท์ จำกัด ผู้ชนะรางวัลประเภทการจัดการโลจิสติกส์ของกลุ่มผู้ให้บริการโลจิสติกส์ (SME) และ บริษัท เจดับเบิ้ลยูดี อินโฟโลจิสติกส์ จำกัด ผู้ชนะรางวัลประเภทการจัดการโลจิสติกส์ของกลุ่มผู้ให้บริการคลังสินค้า (SME)

โดยเกณฑ์การตัดสินรางวัลจากปัจจัยธุรกิจทั้ง 7 ด้าน ได้แก่ วิสัยทัศน์, ภาวะผู้นำขององค์กร, การวางแผนทางด้านกลยุทธ์ทางด้านโลจิสติกส์, การใช้เทคโนโลยีไอทีในกระบวนการโลจิสติกส์, การให้ความสำคัญกับทรัพยากรบุคคล, กระบวนการบริหารในโลจิสติกส์ และผลทางธุรกิจในโลจิสติกส์

“บริษัทที่ชนะรางวัล ELMA 2011 ได้แสดงภาวะผู้นำรวมทั้งมีการใช้เทคโนโลยีสื่อสารไอทีในกลุ่มธุรกิจของเขา ได้อย่างโดดเด่นและมีประสิทธิภาพ ผมมั่นใจว่ารางวัล ELMA 2011 จะช่วยยกระดับความสามารถในการแข่งขันของบริษัทที่ชนะให้ประสบความสำเร็จมาก ยิ่งขึ้นอย่างแน่นอน” คาวาน กล่าวสรุป
Copyright RackServerOnline.com 2010 - 2025. All rights Reserved.