เมื่อเวลาประมาณบ่ายโมง(ตามเวลาสหรัฐอเมริกา)หรือราวเที่ยงคืนวันที่5ต.ค.(ตามเวลาประเทศไทย) "ทิม คุก" ซีอีโอคนใหม่ของบริษัทผลิตคอมพิวเตอร์แอปเปิ้ล (Apple Inc.) ขึ้นเวทีในมาดที่ดูสบายๆ แต่เป็นทางการทางเสื้อผ้ามากกว่า สตีฟ จ๊อบส์ อดีตซีอีโอที่ผันตัวเองมาเป็นประธานบอร์ดบริหารของแอปเปิ้ล เปิดตัว iPhone 4S ที่สำนักงานใหญ่ของแอปเปิ้ล นับเป็นการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ครั้งแรกของทิม คุก หลังจากบทบาทนี้เป็นโลโก้ของสตีฟ จ๊อบส์ มาตลอด

อย่างไรก็ตาม การเปิดตัว iPhone 4S ถือเป็นการคาดการณ์ผิดจากบรรดาผู้สื่อข่าวและนักวิเคราะห์ก่อนนี้ เนื่องจากไม่ได้เป็นการเปิดตัว iPhone 5 ตามที่มีกระแสข่าวมาระยะหนึ่ง แต่เป็นการเปิดตัว iPhone 4S ที่มีลักษณะไมเนอร์เชนจ์ หรืออัพเกรดปรับให้มีความแรงกว่าเดิม และมากับกล้องความละเอียด 8 ล้านพิกเซล

สำหรับคำอธิบายสมาร์ทโฟน iPhone 4S ที่เปิดตัวมานั้น รูปลักษณ์ภายนอกจะยังคงเป็นเช่นเดียวกับ iPhone4 แต่พัฒนาใช้ชิป DualCore Graphic A5 เร็วกว่าเดิม 7 เท่า แบตเตอรี่ใช้ได้นานขึ้น สามารถสนทนาได้นานกว่าเดิม คุยได้ถึง 8 ชั่วโมง และแก้ปัญหาเรื่องเสารับสัญญาณที่เคยมีปัญหาจาก iPhone4 สำหรับ iPhone 4S รองรับการดาวน์โหลดด้วยความเร็วที่เร็วขึ้น 2 เท่า และเป็นเวิล์ดโฟนรองรับได้ทุกย่านความถี่ ทั้ง CDMA และ GSM นอกจากนี้ติดตั้งกล้องความละเอียด 8 ล้านพิกเซล ทำให้ภาพคมชัดและสีสวยขึ้น ซึ่งมีความละเอียดของภาพที่มากกว่า iPhone4 ราว 60 เปอร์เซ็นต์ รวมทั้งมีระบบ IR Filter และระบบ ถ่ายจับหน้าคน หรือ Face Detection

ทั้ง นี้ก่อนหน้านี้เคยมีนักวิเคราะห์ออกมาตั้งข้อสังเกตว่าไอโฟนใหม่จะใช้ชื่อ ว่าiPhone4Sเพราะยังไม่สามารถรองรับเครือข่ายข้อมูลไร้สาย4Gได้ โดยคาดว่าเมื่อทำได้แอปเปิลจึงจะใช้ชื่อว่า iPhone 5

สำหรับราคา iPhone4S ในแบบ 16GB: 199 เหรียญ, 32GB 299 เหรียญ ,64GB 399 เหรียญ โดยเปิดให้จองล่วงหน้าวันที่ 7 ต.ค. และเริ่มวางจำหน่าย 14 ต.ค. ก่อนที่สหรัฐอเมริกา แคนาดา ออสเตรเลีย อังกฤษ ฝรั่งเศษ เยอรมัน ญี่ปุ่น ส่วนอีกกว่า 20 ประเทศ (ไม่รวมประเทศไทย) จะเริ่มจำหน่ายวันที่ 28 ต.ค.

ขณะที่การเปิดตัว iPhone4s ส่งผลให้ราคา iPhone 4 ลดลงมาเริ่มต้นที่ 99 เหรียญ


สำหรับการเปิดตัวครั้งนี้แอปเปิ้ลยังได้เปิดตัวเครื่องเล่นเพลงไอพอดนาโนเวอร์ชั่นใหม่เพิ่มหน้าจอนาฬิกาโดยจำหน่ายราคา8 GB 129 ดอลลาร์ และ 16 GB 149 ดอลลาร์

ทั้งนี้การนำเสนอผลิตภัณฑ์ของแอปเปิ้ลเป็นครั้งแรกของ ทิม คุก ได้ระบุว่า แมคบุ๊คโปร และ ไอแมคเป็นแลปท็อป และเครื่องคอมพิวเตอร์ ที่ครองตลาดอันดับ 1 ของอเมริกา โดยมีสัดส่วนตลาด 23% ส่วนไอพอดเป็นสินค้าที่
ขายดีถึง 300 ล้านเครื่องทั่วโลก เฉพาะระหว่างมิ.ย.53 จนถึงปีนี้มียอดขาย 45 ล้านเครื่อง



อย่างไรก็ตามบริษัทวิจัยนีลเส็นเปิดเผยผลการสำรวจตลาดล่าสุดว่าในช่วง3 เดือนระหว่าง มิ.ย.-ส.ค. ชาวอเมริกัน ซื้อโทรศัพท์ระบแอนดรอยด์ มากที่สุดถึง 56% ในขณะที่ไอโฟน ซึ่งใช้ระบบปฏิบัติการ โอเอส มีสัดส่วน 26%

ทั้งนี้ในบรรดาสมาร์ทโฟนที่คนอเมริกันใช้อยู่ทั้งหมด ระบบปฎิบัติการแอนดรอยด์ ได้รับความนิยมมากที่สุด 43% รองลงมาแอปเปิ้ลส่วนแบ่ง 28% และอันดับ 3 แบล็คเบอร์รี่ 11%