ไมโครซอฟท์บุกพันธุ์ทิพย์ เปิดโซนขายซอฟต์แวร์แท้
ไมโครซอฟท์ บุกพันธุ์ทิพย์จับมือพาร์ทเนอร์ "ไอที ซิตี้" เปิดโซนขายซอฟต์แวร์แท้ ทั้งขอเวลา 3 ปี ปรับวิชั่นมุ่งเป็น "เซอร์วิส คอมปะนี"
นายพีรธน เกษมศรี ณ อยุธยา กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไมโครซอฟท์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า วันนี้ (4 ต.ค.) ไมโครซอฟท์ได้จับมือกับ บมจ.ไอที ซิตี้ เปิดตัววินโดว์ส เอ็กซ์พีเรียน โซน ซึ่งจะเป็นพื้นที่โชว์ พร้อมขายซอฟต์แวร์ลิขสิทธิ์และผลิตภัณฑ์ต่างๆ ของไมโครซอฟท์แห่ง แรกในไทย และเป็นแห่งที่ 2 ในอาเซียนต่อจากสิงคโปร์ โดยการเปิดตัวที่พันธุ์ทิพย์ พลาซ่า เพื่อต้องการให้ความรู้ และเพิ่มช่องทางเข้าถึงผู้ใช้งานที่ต้องการซอฟต์แวร์ลิขสิทธิ์
"เราทำให้สโตร์ที่พันธุ์ทิพย์เป็นร้านนำร่องก่อน เพื่อดูว่าเวิร์คหรือไม่ ทั้งจากกระแส และยอดการซื้อไลเซ่น โดยเราพบว่ายังมีคลาดเครื่องแบบ Naked ที่ไม่มีโอเอสมาด้วย ขายอยู่ในตลาดเยอะ ซึ่งการทำร้านแบบนี้จะช่วยสร้างแวลูให้วินโดว์สมากขึ้น"
บริษัทกำลังวางแผนขยายตลาดกลุ่มคอนซูเมอร์ โดยเริ่มรวมกลุ่มโออีเอ็ม, รีเทล และโอเปอเรติ้ง ชาแนล เข้ามาสร้างเป็นกลุ่มใหม่ หรือ "คอนซูเมอร์ ชาแนล กรุ๊ป" เพื่อพัฒนาตลาดให้สอดรับกับกลุ่มคอนซูเมอร์ที่มีบทบาทต่อตลาดไอทีมากขึ้น รวมทั้งปรับวิชั่นจากบริษัทที่พัฒนาซอฟต์แวร์อย่างเดียวเป็น "เซอร์วิส คอมปะนี" ตั้งเป้าทำให้ได้ภายใน 3 ปีจากนี้ หรือภายในปี 2558
ทั้งนี้เป็นผลจากการมีโซลูชั่นแบบเอนด์ทูเอนด์ ทั้งฮาร์ดแวร์, ซอฟต์แวร์ และบริการ เช่น วินโดว์ส โฟน เวอร์ชั่น 7.5 (แมงโก้), อุปกรณ์คินเนค และการเปิดตัวโปรแกรมออฟฟิศ 365 ในแบบคลาวด์ เซอร์วิส สำหรับองค์กรขนาดกลางจนถึงเล็ก โดยจะให้บริการร่วมกับทรูช่วงต้นปี 2555
นายพีรธน ระบุว่า คลาวด์ เซอร์วิสจะเป็นทิศทางหลักในการสร้างรายได้ของไมโครซอฟท์ โดยจะเริ่มทำตลาดกว้างขึ้นในปีหน้า และเป็นไปได้ที่จะเปิดให้คนทั่วไปสามารถเข้ามาใช้บริการได้ ซึ่งคาดว่าใน 3 ปีจะเริ่มมีรายได้จากคลาวด์ เซอร์วิสราว 20%
"ในไทยมีผู้ที่มีโอกาสว่าจะใช้เทคโนโลยีของไมโครซอฟท์แล้วราว 52.8 ล้านคน และคาดว่าจากนี้ในอีก 3 ปีเทคโนโลยีของไมโครซอฟท์จะ เข้าถึงคนทั้ง 70 ล้านคนได้ ดูจากการตอบรับนวัตกรรมหลายๆ อย่าง เช่น วินโดว์ส โฟนที่เปิดตัวมาได้ 12 เดือน ในไทยมีผู้แล้ว 2.35 แสนเครื่อง"
ส่วนผลประกอบการไตรมาสล่าสุดของไมโครซอฟท์ใน ไทย ซึ่งปิดไปเมื่อวันศุกร์ (30 ก.ย.) ที่ผ่านมายังสามารถเติบโตได้เป็นเลขสองหลัก โดยเฉพาะรายได้จากลูกค้าองค์กร ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนราว 2 ใน 3 ของรายได้ไมโครซอฟท์ทั้งหมด
วันเดียวกันนี้บริษัทยังได้ประกาศปรับโฉมบริการ "ฮอตเมล" ใหม่ โดยเป็นการปรับพร้อมกันทั่วโลก ซึ่งไฮไลต์หลักๆ จะลดจำนวนสแปมลงได้ราว 30% และให้พื้นที่ฝากไฟล์มากขึ้น เพื่อดึงดูดผู้ใช้งานทั่วไป ซึ่งในไทยปัจจุบันมีผู้ใช้บริการวินโดว์ส ไลฟ์แล้ว 11.8 ล้านคน หรืออันดับ 2 ในอาเซียน
บริษัทตั้งเป้ามีรายได้เติบโตต่อปีสูงกว่าการเติบโตของตลาดไอทีไทยโดยรวม หรือมากกว่า 12.4% ในปีนี้