User Online ( 1 ) 
 ระบบสมาชิก  ตั้งเป็นหน้าแรก  แจ้งโอนเงิน
 ตะกร้าสินค้า ( 0 Item ) 
Home » ข่าว » กระแสคลั่ง'ไอโฟน''สรศักดิ์'ลงขันทุนสิงคโปร์
 
 ค้นหาสินค้า
 ตู้ Close Rack (31)
 ตู้ Wall Rack (9)
 ตู้ Open Rack (5)
 ตู้ Rack Accessories (39)
 สายLAN(UTP) สายแลน (183)
 เครื่อง Server (35)
 เครื่องสำรองไฟ UPS (62)
 
 สมัครสมาชิกจดหมายข่าว
สมัครรับจดหมายข่าว รับข้อเสนอพิเศษ จากร้านค้า
 ข่าว

กระแสคลั่ง'ไอโฟน''สรศักดิ์'ลงขันทุนสิงคโปร์

ถึงตอนนี้ต้องบอกว่าโทรศัพท์เคลื่อนที่ที่หลายๆคนต้องการครอบครองเป็นอันดับ ต้น ๆ คือ "ไอโฟน" เพราะไม่ว่า "ไอโฟน" ไปเปิดตัวที่ไหนบรรดาสาวกยอมเสียเวลายืนต่อคิวยาวเหยียดเพื่อครอบครอง เห็นได้จากภาพเหตุการณ์ล่าสุด กรณีที่ "ดีแทค" หรือ บริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) จัดงาน "ดีแทค 3 จี เอ็กซ์โป" เพื่อให้สิทธิ์ลูกค้า ดีแทค จำนวน 100 ราย สามารถซื้อสินค้าในราคาเพียง 50%
ปรากฏการณ์ของกระแสคลั่ง "ไอโฟน" และโทรศัพท์เคลื่อนที่ที่รองรับปฏิบัติการสมาร์ทโฟน (โทรศัพท์ที่เป็นมากกว่าการโทร.เข้า และ โทร.ออก) ทำให้ตลาดอุปกรณ์เสริม หรือ Accessories((แอ็กเซสซอรี) มีอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้นตามลำดับ ส่งผลบรรดาทัพสินค้าของแท้ของเทียมกระจายทั่วท้องตลาด
ไม่เว้นแม้แต่ผู้ที่เคยคร่ำหวอดในวงการโทรศัพท์เคลื่อนที่และเป็นตัวแทน "ดีแทค ช้อป" อย่างนายสรศักดิ์ วงศ์ชินศรีสกุล ที่ตัดสินใจร่วมทุนกับนายทุนจากประเทศสิงคโปร์ ร่วมลงทุนจัดตั้ง บริษัท เจนเนอเรชั่นเอส จำกัด ด้วยทุนจดทะเบียน 5 ล้านบาท สัดส่วนการลงทุน 61 และ 39% ตามลำดับ
alt**** มูลค่าตลาดพันล้านต่อปี
นายสรศักดิ์ วงศ์ชินศรีสกุล บอกกับ "ฐานเศรษฐกิจ" ว่า เหตุผลที่ขยายธุรกิจมาลงทุนอุปกรณ์เสริมทั้ง ไอโฟน และ สมาร์ทโฟน เนื่องจากตลาดมีการขยายตัวทุกปี เพราะตลอดเวลาที่อยู่ในวงการโทรศัพท์เคลื่อนที่มากว่า 10 ปีมีร้านค้าโทรศัพท์อยู่จำนวน 5 สาขา คือ เซ็นทรัล ลาดพร้าว ,แจ้งวัฒนะ,แฟชั่นไอส์แลนด์,ท็อปส์สุขาภิบาล 3 และ ดีแทคช้อป ซอยประชาอุทิศ 90 ทำให้เห็นการเปลี่ยนแปลงในอุตสาหกรรมโทรศัพท์เคลื่อนที่อยู่ตลอดเวลา เนื่องจากโทรศัพท์เคลื่อนที่ สมาร์ทโฟน ได้เข้ามามีบทบาทเพิ่มขึ้นตามลำดับ ขณะที่โทรศัพท์แบบเบสิกโฟนนั้นมาร์จินปรับตัวน้อยลงทำให้ผู้ประกอบการเบน เข็มมาทำตลาดอุปกรณ์เสริมทดแทนเพราะมีมาร์จินที่มากกว่า
"เราเริ่มเปลี่ยนมาขายก่อนที่ ไอโฟน เข้ามาในตลาด แต่อุปกรณ์เสริมมาบูมในช่วงที่ ไอโฟน เข้ามาจำหน่ายในประเทศไทยทำให้ในขณะนี้อุปกรณ์เสริมเข้ามาจำหน่ายค่อนข้าง มากและได้รับความนิยม มีมูลค่านับพันล้านบาท"
ทั้งนี้ มูลค่าอุปกรณ์เสริมมีจำนวน 1,000 ล้านบาท ทำให้บริษัทตั้งเป้ายอดขายในช่วงท้ายปีประมาณ 20 ล้านบาท เหตุผลเนื่องจากบริษัทเพิ่งเข้ามาทำตลาดในช่วงครึ่งปีสุดท้าย ดังนั้นในปี 2555 บริษัทตั้งเป้ายอดขายไว้ที่ 50 ล้านบาท และจะนำสินค้าเข้ามาจำหน่ายเพิ่มขึ้น
***ชู 5 แบรนด์ดัง ดึงดาราฮอลลีวูดชูโรง
ขณะเดียวกัน อุปกรณ์เสริมสำหรับสมาร์ทโฟนที่บริษัทได้นำเข้ามาจำหน่ายในประเทศไทยใน ปัจจุบัน มี 5 แบรนด์ ประกอบ ด้วย Gosh, Lamborghini , What ever it takes.org, Ministry of Sound และ Hedkandi โดยเน้นหลักไปที่เคสของสมาร์ทโฟน และหูฟังระดับไฮเอนด์ เป็นยี่ห้อหรือแบรนด์มีดีไซน์ไม่ซ้ำแบบใคร สำหรับราคาสินค้ามีตั้งแต่ราคาสูงสุด 1,000 บาทขึ้นไป เน้นขายผ่านช่องทางร้านค้ามือถือทั่วไป ทั้งในศูนย์การค้า เช่น ร้านลอฟท์, ร้านไอสตูดิโอ รวมถึงจะมีการวางขายอยู่ในห้างโมเดิร์นเทรดต่างๆ
เหตุผลที่สินค้ามีแบรนด์ที่ไม่ซ้ำใครนั้น เพราะเป็นสินค้าที่ออกแบบโดยบุคคลที่มีชื่อเสียง-ดาราดังจากต่างประเทศหรือ เป็นเซเลบที่เรารู้จักกันดีทั้งในและต่างประเทศ ไล่เลียงตั้งแต่ เน วิเวียน เวดวู้ด ดาราฮอลลีวูดชื่อดัง โดยตัวสินค้านั้นได้นำเข้ามาจากหลายประเทศโดยผ่านพาร์ตเนอร์ที่ประเทศ สิงคโปร์ ซึ่งได้มาร่วมทุนกับ บริษัท เจนเนอเรชั่นเอส จำกัด จะถือหุ้นโดยคนไทย 61% และสิงคโปร์ อีกจำนวน 39%
"การทำตลาดของเราจะผ่านบีโลว์เดอะไลน์ ในเบื้องต้นใช้งบประมาณ 4-5 ล้านบาท ผ่านการโฆษณาประชาสัมพันธ์ อาทิ สื่อหนังสือพิมพ์ และนิตยสารต่างๆ พร้อมลงโฆษณาในสื่อที่ตรงกลุ่มเป้าหมาย และในปี 2555 จะใช้งบการตลาดเพิ่มเป็น 50 ล้านบาท"
***บ่งบอกไลฟ์สไตล์
นอกจากนี้การทำตลาดอุปกรณ์เสริมยังจะต้องสร้างพื้นฐานความเข้าใจให้กับผู้ ใช้บริการแม้ตลาดโทรศัพท์เคลื่อนที่สมาร์ทโฟน และ แท็บเลต มีการเติบโตด้วยตัวเอง แต่บริษัทจะต้องศึกษาทางด้านการตลาดเนื่องจากผู้ใช้บริการบางคนยังไม่เข้าใจ แม้แต่สินค้าที่มาจากประเทศจีน ภาพลักษณ์ของสินค้าก็อีกประเภทหนึ่ง ดังนั้นการใช้โปรดักต์จึงสะท้อนความเป็นตัวตน
"อุปกรณ์เสริมก็เหมือนกับเสื้อผ้าบ่งบอกไลฟ์สไตล์และสะท้อนตัวตนตอนนี้คนมองเสื้อผ้า และโทรศัพท์เคลื่อนที่ก็บ่งบอกตัวตน"
Copyright RackServerOnline.com 2010 - 2025. All rights Reserved.