น้องใหม่ตลาดเครื่องใช้ไฟฟ้า “ฮุนได” กำลังเริ่มปฏิบัติการกระแทกตลาด โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับแบรนด์สัญชาติเดียวกันอย่าง “ซัมซุง-แอลจี” ที่มีเป้าหมายในการเจาะตลาดและกลยุทธ์แบบเดียวกัน ยิ่งหลังจากเปิดตลาดแอร์ ฮุนไดเตรียมสินค้าตัวอื่นลงตลาดไทยชนิดเต็มสูบ

การประกาศปักธงในตลาดแอร์เมืองไทยของ “ฮุนได” นับเป็นปรากฏการณ์ที่สร้างแรงกระเพื่อมให้กับวงการเครื่องปรับอากาศอย่างมาก เพราะจะว่าไปแล้ว ตลาดแอร์ถือเป็นสมรภูมิที่มีการแข่งขันรุนแรงเนื่องจากมีผู้เล่นในตลาดจำนวน มากกว่า 10 แบรนด์

ยิ่งปีนี้สภาพอากาศผันผวนกระแทกเข้ามาอย่างหนัก จนทำให้ตลาดเติบโตติดลบจนทุกค่ายต้องกุมขมับเหนื่อยไปตามๆ กัน ถึงแม้จะอัดกลยุทธ์ทั้งลด และแถม แต่ก็ดูเหมือนว่าจะปั๊มยอดเพิ่มไม่มากนัก โดยมีการคาดการณ์กันว่าตลาดรวมแอร์ในปีนี้จะหดตัวลง 20-25% หรือคิดเป็น 900,000 ตัวเท่านั้น

แต่ถึงกระนั้น หากย้อนกลับมาพิจารณาอัตราถือครองที่ยังต่ำเพียง 23% ของครัวเรือนทั้งหมด แน่นอนว่าตลาดแอร์ย่อมมีช่องว่างทางการตลาดที่มีอีกหลายเท่าตัวที่แบรนด์ ใหม่ๆ หรือแม้แต่ค่ายเก่าจะทำตลาดได้อีกมาก และนั่นก็เป็นเหตุผลลำดับต้นๆ ที่ฮุนไดสนใจตลาดแอร์เมืองไทย

เมื่อประกอบกับการได้พาร์ตเนอร์ อย่าง บริษัท เจ๊บเซ่น แอนด์ เจ๊สเซ่น มาร์เก็ตติ้ง (ที) จำกัด ที่มีประสบการณ์ในการทำตลาดแอร์มากว่า 10 ปี และช่องทางการจัดจำหน่ายสินค้าคอนซูเมอร์ อิเล็กทรอนิกส์ที่แข็งแกร่ง ที่มีทั้งตัวแทนจำหน่ายในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด รวมถึงช่องทางสมัยใหม่ ไม่ว่าจะเป็น เพาเวอร์บาย โมเดิร์นเทรด ลีสซิ่ง และช่องทางองค์กร ยิ่งเสริมความมั่นใจในการเข้ามาชิงส่วนแบ่งตลาดเครื่องปรับอากาศฮุนไดในไทย มากขึ้น

ด้วยความเป็นแบรนด์น้องใหม่ในตลาด ทำให้ฮุนไดเลือกพุ่งเป้าที่กลุ่มคนรุ่นใหม่เป็นกลุ่มหลัก ซึ่ง “อดิศักดิ์ เธียไพรัตน์” ผู้จัดการฝ่ายผลิตภัณฑ์เครื่องปรับอากาศ บริษัท เจ๊บเซ่น แอนด์ เจ๊สเซ่น มาร์เก็ตติ้ง (ที) จำกัด บอกว่า คนรุ่นใหม่ในที่นี้ไม่ได้หมายถึงวัยรุ่นเท่านั้น แต่หมายรวมถึงคนที่มีความคิดใหม่ๆ มีไลฟ์สไตล์เป็นของตัวเอง และชอบค้นหาสิ่งใหม่ๆ ให้ตนเองตลอดเวลา

เพราะฮุนไดเข้าใจดีว่า แม้จะเป็นแบรนด์เครื่องใช้ไฟฟ้าที่ได้รับความนิยมในหลายประเทศโดยเฉพาะ เกาหลี ไม่ต่างจากแบรนด์ซัมซุงและแอลจี แต่สำหรับเมืองไทยถือว่าตรายี่ห้อนี้ยังใหม่มาก ส่วนใหญ่จะรู้จักแค่เป็นผู้ผลิตรถยนต์ การอาศัยคนรุ่นใหม่ที่มีความคิดและไลฟ์สไตล์เป็นของตนเอง จึงน่าจะช่วยให้ฮุนไดเจาะเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้ง่ายขึ้น

ฮุนไดยังวางจุดยืนทางการตลาดของเครื่องปรับอากาศฮุนไดให้เป็นแอร์ ระดับกลาง ซึ่งเป็นตลาดระดับเดียวกันกับค่ายเกาหลีด้วย เนื่องจากขนาดตลาดใหญ่ โดยคิดเป็นสัดส่วนประมาณ 90% ของตลาดแอร์ ดังนั้นงานนี้ดูเหมือนว่าผู้เล่นที่โดนผลกระทบอย่างจัง คงหนีไม่พ้นแบรนด์แอลจีและซัมซุง

การบุกตลาดของฮุนไดในครั้งนี้ Eco-Slim Series คือ หัวหอกที่ถูกวางเป้าหมายเข้ามาท้าชิงตลาดในปีแรก โดยชูจุดขายด้านคุณภาพด้วย 3 เทคโนโลยี ได้แก่ I Feel เพื่อตอบโจทย์เรื่องความเย็น, Cool Plasma สนองความต้องการด้านความสะอาด และ Energy Saving ที่ช่วยประหยัดค่าไฟเพิ่มขึ้น ซึ่งสอดรับกับแนวโน้มการดูแลสุขภาพและห่วงใยสภาพแวดล้อมของผู้บริโภคที่ กำลังมาแรง

นอกจากนี้เมื่อพิจารณาที่ราคาสินค้า ซึ่งเป็นหนึ่งในปัจจัยการตัดสินใจซื้อเครื่องปรับอากาศของผู้บริโภคทุกยุค สมัย ฮุนไดกำหนดให้อยู่ในระดับต่ำกว่าแอลจีและซัมซุงในรุ่นที่ใช้เทคโนโลยีพลา สม่าด้วยกันประมาณ 5-7% ซึ่งการเลือกกำหนดราคาต่ำในคุณภาพเดียวกับคู่แข่งเช่นนี้ ย่อมช่วยให้ผู้บริโภคตัดสินใจซื้อสินค้าไปทดลองใช้ได้ไม่ยาก

แม้จะพุ่งเป้าไปที่กลุ่มคนรุ่นใหม่ แต่ฮุนไดก็ไม่อาจละเลยเรื่องสื่อสารการตลาดได้เช่นกัน ในทางกลับกันต้องทำหนักขึ้นเพื่อสร้างการรับรู้ตรายี่ห้อนี้ให้เป็นที่ รู้จักในตลาดเครื่องปรับอากาศให้ได้ โดยกลยุทธ์ที่น่าจะเป็นหมัดเด็ดของการเปิดฉากรุกในครั้งนี้ นอกจากการใช้สื่อในรูปแบบปัจจุบันแล้ว ยังจะมีการใช้การตลาดแบบออนไลน์ ซึ่งตรงกับไลฟ์สไตล์ของคนรุ่นใหม่ ทั้งในรูปแบบการสร้างเว็บพอร์ทัล และการจัดกิจกรรมการตลาดสร้างประสบการณ์ลูกค้า ประเดิมกิจกรรมแรกด้วยการจัด Hyundai Eco-Life Experience ณ จุดขาย และคู่ค้ากว่า 180 รายทั่วประเทศ

ฮุนได วางเป้าหมายในปีแรกด้วยตัวเลขส่วนแบ่งตลาดเพียง 5% ของตลาดรวมเครื่องปรับอากาศ ถือเป็นเพียงระเบิดลูกย่อมที่ฮุนไดโยนเข้ามากรุยทางเท่านั้น เพราะสิ่งที่เป็นไฮไลต์ น่าจะอยู่ที่การขยายผลิตภัณฑ์กลุ่มใหม่เข้ามาท้าชิงเพิ่มขึ้นในอนาคตอันใกล้ นี้