"ศุภชัย" เดินสายดูงาน 3จี "บริษัทฮัทชิสิน" ประเทศอังกฤษ ตั้งเป้าปี 2557 ขึ้นแท่นเบอร์ 2 บริษัทโทรคมไทย คาดลูกค้า 3จี พุ่งทะลุ 5 ล้านราย

"ศุภชัย" เดินสายดูงาน 3จี "บริษัทฮัทชิสิน" ประเทศอังกฤษ ตั้งเป้าปี 2557 ขึ้นแท่นเบอร์ 2 บริษัทโทรคมไทย คาดลูกค้า 3จี พุ่งทะลุ 5 ล้านราย คาดหวังสูงพันธมิตรร่วมกสท ดันทรูพลิกทำกำไรได้ใน 2 ปี ทุ่ม 2.5 หมื่นล้านขยายโครงข่าย 3จี ทั่วประเทศ

"นายศุภชัย เจียรวนนท์" กรรมการผู้จัดการ และประธานคณะเจ้าหน้าที่ผู้บริหาร กลุ่มบริษัททรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ให้สัมภาษณ์ระหว่างการไปดูงาน 3จี ของบริษัทโทรคมรายใหญ่ในประเทศอังกฤษ ว่า หลังเดินทางไปศึกษาการทำตลาด และโครงสร้างการให้บริการของบริษัทโทรคม ทั้งบริษัทบริติช เทเลคอม และฮัทชิสัน ทรี ยูเค นั้นทำให้ทรูมั่นใจว่า การวางแผนการตลาดของบริษัทเดินทางถูกทางแล้ว

"แนว โน้มตามกระแสของผู้ประกอบการต่างๆทั่วโลก ไม่ได้มุ่งแต่ทำธุรกิจอย่างใดเพียงอย่างเดียว เพราะเทคโนโลยีทุกอย่างได้หลอมรวมเป็นลักษณะ "คอนเวอร์เจ้นท์" ทั้งมือถือ อินเทอร์เน็ต ไอพีทีวี เคเบิลทีวี และบริการอี-คอมเมิร์ซ"

นายศุภ ชัย กล่าวว่า ฮัทชิสัน ทรี ยูเค หรือ "3" ถือเป็นผู้ประกอบการรายใหญ่อันดับต้นของอังกฤษ ซึ่งตลาดอังกฤษมุ่งสู่การใช้งานดาต้า ซึ่งทรีก็มีลูกค้าจากดาต้าเกือบทั้งหมด ดังนั้น จึงมีการการันตีแล้วว่า ผู้ประกอบการรายใหญ่ไม่สามารถอยู่ได้แต่ในธุรกิจเดิม ซึ่งอดีตทรีเป็นแต่เพียงผู้ให้บริการด้านเสียง (วอยซ์) เพียงอย่างเดียว แต่เมื่อกระแสการใช้งานดาต้า และบริโภคอินเทอร์เน็ตผ่านโทรศัพท์มือถือมาแรง ทรีก็จำเป็นต้องปรับตัวเองลงมาทำให้ตลาดดาต้าด้วย ปัจจุบันรายได้ของทรีมาจากบริการดาต้าเกิน 90% ส่วนบริการวอยซ์เป็นเพียงแค่แพ็คเกจเสริมในโปรโมชั่นเท่านั้น

ส่วน บริติช เทเลคอมนั้น เป็นผู้นำในตลาดอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง (บรอดแบนด์) แบบมีสาย รวมทั้งเป็นผู้นำในตลาดไว-ไฟ จากเดิมเป็นเพียงผู้ให้บริการโทรศัพท์พื้นฐาน (ฟิกซ์ไลน์) อย่างเดียว เมื่อเทรนด์ตลาดโลกเปลี่ยนแปลงไป บริติช เทเลคอม ต้องปรับตัวเองรักษาฐานลูกค้าเอาไว้ และหาลูกค้าใหม่เพื่อให้ยืนอยู่ในตลาดได้

"ดังนั้น การที่กลุ่มทรู เดินเกมทำตลาดในแบบปัจจุบัน ก็ถือว่าเราได้ทำทุกอย่างตามกระแสโลก และตอนนี้มีเพียงทรูผู้เดียวที่เป็นโอเปอเรเตอร์ไทย ที่มีกลยุทธ์ลักษณะนี้ ดังนั้น จึงเป็นบทพิสูจน์แล้วว่า ในอนาคตเราจะแข็งแกร่งได้ไม่แพ้คนอื่น"

ปี57พลิกมีกำไรสุทธิ-จ่ายปันผล
นายศุภชัย กล่าวยอมรับว่า ผลประกอบการของบริษัทยังต้องยอมขาดทุนต่อไปอีก 2 ปี จากการลงทุนขยายโครงข่าย 3จีของทรูมูฟ เอช ตามที่ทำสัญญากับ กสท โทรคมนาคม ตามเงื่อนไขที่ตกลงไว้กับกสท ต้องมีโครงข่ายให้ได้ 2,500 แห่งภายในสิ้นปีนี้ และเพิ่มเป็น 3,000-4,500 แห่งภายในปี 2556 การลงทุน3จี ทรูมูฟ เอช แบ่งเป็น 5 เฟส ซึ่งลงทุนขยายโครงข่ายรวมจะอยู่ที่ 25,000 ล้านบาท

เขา คาดการณ์ว่า สิ้นปี 2554 ทรูมูฟ เอช จะมีลูกค้าประมาณ 1 ล้านราย จากปัจจุบันทรูมูฟ มีลูกค้า 3จีแล้ว 4 แสนราย ส่วนลูกค้ารวมในระบบ 2จีขณะนี้มีจำนวน 17 ล้านราย ส่วนในปี 2555 มั่นใจว่าจะมีลูกค้า 3จีมากกว่า 5 ล้านราย ซึ่งจะสูงที่สุดในบรรดาผู้ประกอบการรายอื่น ซึ่งหากรวมกับฐานลูกค้าเดิมของเรา ก็น่าจะทำให้ทรูมูฟสามารถเพิ่มส่วนแบ่งทางการตลาด (มาร์เก็ต แชร์) ได้อีกหลายเปอร์เซ็นต์ ดังนั้น เราก็น่าจะขยับจากเบอร์สุดท้ายในตลาด

"มั่นใจว่าสถานะของทรูมูฟจะขึ้นเป็นเบอร์สองในตลาดได้ไม่ยากนัก และเมื่อมีรายได้จากบริการ 3จีซึ่งมีลูกค้ามากกว่า 5 ล้านบาท จะทำให้ทรูมูฟ เข้าถึงจุดคุ้มทุนทันที และผลประกอบการของบริษัทจะพลิกมีกำไรอย่างแน่นอนในปี 2557 และอาจจะมีการพิจารณาปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นตามความสมควร จากที่งวด 6 เดือนแรกที่ผ่านมาเราขาดทุนไปแล้วกว่า 1,500 ล้านบาท"

สำหรับเป้าหมายรายได้ของกลุ่มทรูฯในปี 2555 คาดว่า จะมีรายได้ทั้งกลุ่มขยายตัวประมาณ 15-20% โดย โดยแบ่งเป็นกลุ่มธุรกิจมือถือมีลูกค้า 3จีราว 5 ล้านราย ลูกค้า 2จีจำนวน 17 ล้านราย รวมเป็นลูกค้าในฐานทั้งหมด 22 ล้านราย ในแง่รายได้โต 25-30% ส่วนธุรกิจอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง (บรอดแบนด์) ในแง่รายได้น่าจะขยายตัว 15% ส่วนลูกค้าเติบโตประมาณ 20% ซึ่งปัจจุบันทรู ออนไลน์มีลูกค้าบรอดแบนด์ราว 1.2 ล้านบาท ตั้งเป้าสิ้นปีนี้เพิ่มเป็น 1.4 ล้านราย และสิ้นปีหน้าจะเพิ่มเป็น 2 ล้านราย

"ทรูมูฟ เคยประสบวิกฤตใหญ่ หลังจากที่ออเร้นจ์ถอนหุ้นไป จนเราต้องเดินออกมาทำตลาดเอง ซึ่งก็ไม่สามารถเพิ่มทุน เพื่อขยายเน็ตเวิร์กได้เพราะสัมปทานของเราเหลือไม่ถึง 2 ปีไม่มีใครยอมให้กู้ ผมก็ต้องรับสภาพกับการเป็นรายเล็กเป็นเบอร์ 3 ในตลาด แต่เมื่อเราได้ทำสัญญากับกับกสทแล้ว เรามีต้นทุนที่พอจะแข่งกับคนอื่นได้ กู้เงินเพื่อมาลงทุนทำ 3จีโดยไม่ต้องกังวลเพราะมีอายุสัญญาเหลือ 14.5 ปี ซึ่งทำให้ผมมั่นใจว่าในปี 2555 เราจะขึ้นมาเป็นเบอร์สองได้ไม่ยาก"

จี้เปิดประมูลไลเซ่น4จีคลื่น2.6
เขา กล่าวว่า ประเทศอื่นในแถบเอเชียให้บริการ 4จีเกือบ หมดแล้ว ดังนั้น หากคณะกรรมการกิจการวิทยุกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ได้รับโปรดเกล้าฯ มุมมองของภาคเอกชนต้องการให้ กสทช. เร่งดำเนินการจัดทำแผนแม่บทที่จำเป็น พร้อมตารางบริหารคลื่นความถี่ เพื่อจัดการประมูลใบอนุญาต (ไลเซ่น) สำหรับบริการ 3จีในคลื่นความถี่ 2.1 กิกะเฮิตรซ์ และวางแผนล่วงหน้าในการจัดประมูลย่าน 2.6 กิกะเฮิตรซ์ เพื่อเปิดบริการ 4จี หรือ แอลทีอี อย่างเต็มรูปแบบ

"ย่าน ความถี่ 2.6 กิกะเฮิรตซ์ ยังไม่ได้นำไปใช้ในกิจการใด ดังนั้น เมื่อ กสทช.ตัวจริงจัดตั้งได้แล้ว และประเทศไทยก็เสียเวลามามาก ดังนั้น การประมูลที่จะเกิดขึ้นควรดำเนินการทีเดียว 2 ใบ" นายศุภชัย กล่าว

ทั้งนี้ การให้บริการ 4จี หรือแอลทีอี ในไทยถือเป็นความถี่ที่มีแบนด์วิธ และช่องความถี่คลื่น (แคเรีย) เพียงพอต่อการใช้งาน จะทำให้ผู้บริโภคสามารถดูวีดีโอ หรือส่งข้อมูลดาต้าได้ไม่สะดุด และเน็ตเวิร์คดีขึ้น

นายศุภชัย ยังกล่าวด้วยว่า การให้กสทช. เปิดประมูลไลเซ่น 4จี ไปด้วยเลยนั้น สุดท้ายต้องขึ้นอยู่กับมติกรรมการ (บอร์ด) ว่าเป็นอย่างไร แต่มุมของทรู เห็นว่า จากจำนวนการใช้งานสมาร์ทโฟนของผู้บริโภคที่มากขึ้นทุกปีเฉลี่ย 20-35% ถือเป็นบทพิสูจน์ที่สำคัญแล้ว