User Online ( 1 ) 
 ระบบสมาชิก  ตั้งเป็นหน้าแรก  แจ้งโอนเงิน
 ตะกร้าสินค้า ( 0 Item ) 
Home » ข่าว » โลกแท็บเล็ตปั่นป่วน เมื่อ “Amazon Kindle Fire” มา!!
 
 ค้นหาสินค้า
 ตู้ Close Rack (31)
 ตู้ Wall Rack (9)
 ตู้ Open Rack (5)
 ตู้ Rack Accessories (39)
 สายLAN(UTP) สายแลน (183)
 เครื่อง Server (35)
 เครื่องสำรองไฟ UPS (62)
 
 สมัครสมาชิกจดหมายข่าว
สมัครรับจดหมายข่าว รับข้อเสนอพิเศษ จากร้านค้า
 ข่าว

โลกแท็บเล็ตปั่นป่วน เมื่อ “Amazon Kindle Fire” มา!!

อเมซอน (Amazon) ปักป้ายจองตลาดแท็บเล็ต “ระดับกลาง” หรือเมนสตรีมทุกหัวระแหงด้วยการเปิดตัวแท็บเล็ตราคาประหยัด 199 เหรียญนาม "Amazon Kindle Fire" ราคา และคุณสมบัติเครื่องสุดยั่วใจทำให้ Kindle Fire ถูกมองว่าจะกระทบกับแท็บเล็ตแอนดรอยด์ (Android) ทั่วหย่อมหญ้า นักวิเคราะห์ฟันธงแท็บเล็ตที่ไม่ใช่ไอแพด (iPad) จะถูกกดดันให้ลดราคาลง ขณะที่ซัมซุง (Samsung) ตกที่นั่งลำบากมากที่สุดเพราะอาจจะเสียตำแหน่งเบอร์ 2 ในตลาดแท็บเล็ตโลกในปีหน้า

นอกจากนี้ ราคาและจุดยืนของ Kindle Fire ยังชัดเจนว่าอเมซอนไม่หวังเป็น ‘IPad Killer' หรือเพชรฆาตไอแพดที่แอปเปิลวางไว้บุกตลาดบนคนมีเงิน แต่นักวิเคราะห์เชื่อแม้จะไม่ชนกับไอแพดตรงๆ แต่ส่วนแบ่งตลาดแท็บเล็ตในอนาคตจะเปลี่ยนแปลงแน่นอน เบื้องต้นเชื่อว่า Kindle Fire จะได้รับความนิยมถล่มทลายในเวลารวดเร็ว จนมียอดขายเกิน 4 ล้านเครื่องในปีนี้

แท็บเล็ต 6,000 บาท

Kindle Fire เป็นแท็บเล็ตคอมพิวเตอร์รุ่นล่าสุดในตลาดที่ยักษ์ใหญ่ตลาดค้าปลีกออนไลน์อย่างอเมซอนเพิ่งเปิดตัวเมื่อวันที่ 28 กันยายนที่ผ่านมา โดยอเมซอนตั้งราคาเครื่องไว้ที่ 199 เหรียญสหรัฐหรือประมาณ 6,000 บาท ถูกกว่าไอแพดถึงครึ่งหนึ่ง

ราคาประหยัดเช่นนี้โดนใจผู้ที่ต้องการซื้ออุปกรณ์ราคาไม่แพงเพื่อการ อ่านหนังสือ ดูภาพยนตร์ ฟังเพลง และเล่นเกม แต่สำหรับผู้ที่ต้องการอุปกรณ์หน้าจอใหญ่เพื่อการสนทนาผ่านวิดีโอ อาจต้องมองหาไอแพดมากกว่าอุปกรณ์ของอเมซอน

ไบรอัน แบลร์ (Brian Blair) นักวิเคราะห์ของบริษัท Wedge Partners Corp. เชื่อว่า Kindle Fire จะสามารถจำหน่ายได้มากถึง 4 ล้านเครื่องภายในช่วง 3 เดือนที่เหลือของปีนี้ แน่นอนว่าจะทำให้ส่วนแบ่งตลาดของแอปเปิลในสังเวียนแท็บเล็ตถูกแย่งไป อย่างไรก็ตาม แบลร์ยืนยันว่าหากอเมซอนต้องการแย่งส่วนแบ่งจากไอแพดจริง อเมซอนจำเป็นต้องออกแท็บเล็ตรุ่นใหม่ที่มีขนาดใหญ่และมีหน่วยประมวลผลที่ มากกว่าที่ Kindle Fire เป็นอยู่

Kindle Fire นั้นถูกมองว่าไม่ใช่คู่แข่งของไอแพด เพราะมีขนาดหน้าจอเล็กราว 7 นิ้ว เล็กกว่าไอแพดที่ใหญ่ 9.7 นิ้ว ตัวเครื่องใช้ระบบปฏิบัติการ Android ใช้หน่วยประมวลผลดูอัลคอร์ รองรับเครือข่าย Wi-Fi โดยผู้ซื้อจะได้สิทธิ์ทดลองใช้บริการนานาคอนเทนท์ของอเมซอน Amazon Prime เป็นเวลา 30 วันฟรี โดยหากต้องการใช้ต่อ จะต้องเสียค่าสมาชิก 79 เหรียญต่อปีเพื่อรับบริการวิดีโอและเพลงสตรีมมิ่ง

ปัจจุบัน ไอแพดนั้นมีส่วนแบ่งตลาดราว 85% ของตลาดแท็บเล็ตทั่วโลก (ข้อมูลจากบริษัท EMarketer Inc. ประจำปี 2010) จุดนี้บริษัทวิจัย Forrester Research Inc. เชื่อว่าอเมซอนจะสามารถครองส่วนแบ่งตลาดได้ถึง 51% ภายในปี 2015 เท่ากับส่วนแบ่งตลาดไอแพดจะต้องลดลง โดยหลังการเปิดตัว Kindle Fire หุ้นของอเมซอนพุ่งพรวด 2.5% เพราะนักลงทุนเชื่อว่าแท็บเล็ตราคาประหยัดของอเมซอนจะสามารถดึงดูดผู้ใช้ได้ ดีกว่าแท็บเล็ตของเอชพี (Hewlett-Packard) และริม (Research In Motion)

อย่างไรก็ตาม Kindle Fire ยังมีจุดอ่อนเรื่องการไม่มีไมโครโฟนในตัว ไม่รองรับเครือข่าย 3G ไม่มีกล้องดิจิตอล และรองรับแอปพลิเคชันน้อยกว่าไอแพดที่มีมากกว่า 425,000 แอปพลิเคชัน (มากกว่า 100,000 แอปพลิเคชันสร้างมาเพื่อไอแพด) ซึ่งยังทำให้ Kindle Fire สามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้เพียงบางกลุ่มเท่านั้น

นักวิเคราะห์เชื่อว่า Kindle Fire จะทำให้อเมซอนมีรายได้เพิ่มขึ้นถึง 32% เป็น 64,600 ล้านเหรียญสหรัฐในปี 2012 ส่วนใหญ่จะเป็นเงินจากยอดจำหน่ายคอนเทนต์ของอเมซอนทั้งหนังสือ อิเล็กทรอนิกส์ ภาพยนตร์ เพลง และแอปพลิเคชันออนไลน์ของอเมซอนที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นแน่นอนในระยะยาว แต่ในมุมรายได้จากการจำหน่ายเครื่อง อาจจะไม่ทำกำไรให้อเมซอนเป็นกอบเป็นกำในเร็ววัน เพราะการประเมินต้นทุนการผลิตเบื้องต้นพบว่าอเมซอนมีแนวโน้มขาดทุนถึง 50 เหรียญสหรัฐฯต่อเครื่องสำหรับการกำหนดราคาจำหน่าย Kindle Fire ที่ 199 เหรียญ ตรงกันข้ามกับไอแพดที่นักวิเคราะห์เชื่อว่าแอปเปิลนั้นได้กำไรเนื้อๆ 149 เหรียญต่อเครื่อง เพราะบริษัทมีต้นทุนการผลิตไอแพดที่ราว 350 เหรียญต่อเครื่องเท่านั้น

แท็บเล็ตแอนดรอยด์ส่อราคาตก

Kindle Fire กำลังถูกมองว่าเป็นแรงกดดันสำคัญให้ผู้ผลิตแท็บเล็ตแอนดรอยด์น้อยใหญ่โดย เฉพาะฝั่งเอเชียต้องลดราคาสินค้าลง ทั้งซัมซุงที่ผลิต Galaxy Tab, โซนี่ที่ผลิต Sony S Tablet, โมโตโรลาที่ผลิต Zoom รวมถึงเอเซอร์และเอซุสซึ่งพยายามเสนอตัวเป็นคู่แข่งไอแพดมาตลอด ทั้งหมดล้วนมีแนวโน้มปรับลดราคาลงเพื่อป้องกันไม่ให้อเมซอนแย่งตลาดแท็บเล็ตแอนดรอยด์ไปครองรายเดียว

จุดนี้ นักวิเคราะห์เชื่อว่าซัมซุงจะตกที่นั่งลำบากมากที่สุด ยกตัวอย่างเช่น Galaxy 10.1 แท็บเล็ตที่ซัมซุงทำตลาดอยู่ในปัจจุบันนั้นแม้จะถูกตั้งราคาในระดับเดียวกับ ไอแพด แต่ก็เป็นผลิตภัณฑ์ที่มีต้นทุนการผลิตสูงบนสัดส่วนกำไรเพียง 5% (ตามการวิเคราะห์) จุดนี้ทำให้ยากมากที่ซัมซุงจะตัดสินใจปรับลดราคาลงเพื่อแก้เกมที่เกิดขึ้น ทำให้ซัมซุงอาจต้องเสียตำแหน่งผู้นำตลาดแท็บเล็ตเบอร์ 2 ไปในช่วงปีหน้า (2012)

“Nook” หืดจับ

ผู้เล่นอีกรายที่ Kindle Fire จะสร้างความปั่นป่วนให้คือ Nook Color ของบริษัท Barnes & Noble เครื่องอ่านอีบุ๊กหน้าจอสีทัชสกรีนซึ่งประกาศลดราคาลงทันทีที่อเมซอนเปิดตัว Kindle Fire อย่างไรก็ตาม ราคาที่ยังสูงกว่า Kindle Fire บวกกับการไม่มีบริการคอนเทนท์รองรับเท่าอเมซอนของ Nook ทำให้หุ้น Barnes & Noble ตกฮวบ 6.9% ทันที

ปีเตอร์ ไมเสก (Peter Misek) นักวิเคราะห์ของ Jefferies & Co. เชื่อว่า Kindle Fire จะทำให้ผู้บริโภคสามารถใช้ Kindle Fire ได้มากกว่าการเป็นเครื่องอ่านหนังสือ ทำให้ผู้บริโภคมองว่า Kindle Fire มีความคุ้มค่าในการซื้อมากกว่า Nook ที่สำคัญ ยังมีแนวโน้มว่า Kindle Fire นั้นจะขยายตลาดแท็บเล็ตมากกว่าจะแย่งลูกค้าจากฐานเดิมทีไอแพดมี

ข้อมูลล่าสุดพบว่ายอดจัดส่งแท็บเล็ตทั่วโลกประจำปีนี้จะอยู่ที่ราว 60 ล้านเครื่อง และจะเพิ่มเป็น 275.3 ล้านเครื่องในปี 2015 ที่ผ่านมา แอปเปิลสามารถครองตลาดใหญ่หลังจากเปิดตัวไอแพดในเมษายน 2010 ก่อนจะส่งไอแพด 2 ในเดือนมีนาคมที่ผ่านมา โดยปัจจุบัน ไอแพดสามารถเป็นแหล่งทำเงินอันดับ 2 รองจากไอโฟนให้แอปเปิลได้แล้วด้วยสถิติยอดจำหน่าย 9.25 ล้านเครื่องในช่วงเดือนมีนาคม-มิถุนายนที่ผ่านมา

สำหรับแท็บเล็ตค่ายอื่นที่ไม่ใช่แอนดรอยด์ก็ล้วนถูกมองว่ายังไม่สามารถดึงดูดใจผู้บริโภคได้มากเท่า Kindle Fire โดยแท็บเล็ตบีบี PlayBook ของริมซึ่งถูกเปิดตัวเมื่อไตรมาส 2 ของปีที่ผ่านมานั้นสามารถจัดส่งได้ราว 200,000 เครื่อง น้อยกว่าที่คาดการณ์เกือบครึ่ง ขณะที่เอชพีก็ถอดใจและประกาศไม่พัฒนาแท็บเล็ต TouchPad แล้วเมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา ซึ่งทิ้งช่วงจากการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ราว 1 เดือนเท่านั้น
Copyright RackServerOnline.com 2010 - 2025. All rights Reserved.