"ไทโก้ อิเล็กทรอนิกส์" เปลี่ยนชื่อเป็น "ทีอี คอนเน็คทิวิตี้" หลังควบรวมกับ ADC Krone เสริมความแข็งแกร่งธุรกิจ รองรับความต้องการผลิตภัณฑ์และโซลูชันเชื่อมต่อข้อมูล ตั้งเป้าครองแชร์ 50% ในตลาด...

นายรักเกียรติ หงษ์กาญจนพงษ์ ผู้อำนวยการฝ่ายขายประจำภาคพื้นอาเซียนเหนือ บริษัท ทีอี คอนเน็คทิวิตี้ จำกัด เปิดเผยว่า ภายหลังควบรวมกิจการกับ ADC Krone เมื่อช่วงปลายปี 2553 เพื่อเสริมศักยภาพด้านเน็ตเวิร์กโซลูชันรองรับการเติบโตของตลาดระบบเชื่อม ต่อการสื่อสาร บริษัทฯ ได้ประกาศเปลี่ยนชื่อจากบริษัท ไทโก้ อิเล็กทรอนิกส์ จำกัด เป็นบริษัท ทีอี คอนเน็คทิวิตี้ จำกัด เพื่อสะท้อนความเชี่ยวชาญและความเข้มแข็งในธุรกิจ

ปัจจุบัน บริษัทฯ มีผลิตภัณฑ์และโซลูชันที่ทำหน้าที่เชื่อมต่อข้อมูล รวมถึงปกป้องการเดินทางของข้อมูลหรือพลังงาน โดยแบ่งเป็น 3 สายธุรกิจหลัก ได้แก่ 1. การขนส่ง (Transportation Solution) เช่น อุปกรณ์การเชื่อมต่อที่เกี่ยวกับยานพาหนะ ทั้งรถยนต์ เครื่องบิน และยานอวกาศ 2. การสื่อสารและอุตสาหกรรม ได้แก่ ผลิตภัณฑ์เชื่อมต่อเครื่องใช้ไฟฟ้าและคอมพิวเตอร์ และ 3. เน็ตเวิร์กโซลูชัน ได้แก่ ผลิตภัณฑ์และเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องกับการเชื่อมต่อทั้งในอาคาร ดาต้าเซ็นเตอร์ ภายนอกอาคาร ที่พักอาศัย และด้านพลังงาน

สำหรับช่อง ทางการจำหน่ายในประเทศไทยของบริษัทฯ มี 2 ช่องทางหลัก คือ 1. ผ่านตัวแทนจำหน่าย 4 รายหลัก ได้แก่ บริษัท อินเตอร์ลิ้งค์ คอมมิวนิเคชั่น จำกัด (มหาชน), บริษัท ซินเน็ค (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน), บริษัท จีเน็ต เน็ตเวิร์ค โซลูชั่น จำกัด และบริษัท เอดับบลิวเอส. ไวร์ เวิร์คส์ (ประเทศไทย) จำกัด ซึ่งจะทำการขายทั้งรูปแบบขายปลีกและการนำเสนอโครงการต่างๆ แก่ลูกค้า 2. ผ่านตัวแทนจำหน่ายโครงการ ได้แก่ บริษัท แลนโทร (ประเทศไทย) จำกัด, บริษัท สเกต เน็ตเวิร์คส์ อินติเกรเตอร์ จำกัด, บริษัท ทรีไอ เอ็นจิเนียริ่ง จำกัด, บริษัท ไซท์ เพรพพาเรชั่น แมเนจเมนท์ จำกัด และบริษัท พีแอนด์พี เทเลคอม จำกัด เชื่อว่าจะทำให้ผลิตภัณฑ์ของบริษัทฯ เป็นที่รู้จักในวงกว้างยิ่งขึ้น และสามารถมีส่วนแบ่งตลาดได้ถึง 50%

จาก การขยายตัวของตลาดไอทีในประเทศไทยซึ่งมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ทั้งระบบโครงสร้างพื้นฐาน ไอซีที และการเชื่อมต่อระบบผ่านระบบสื่อสารต่างๆ รวมถึงด้านระบบออนไลน์ จึงจำเป็นต้องเสริมประสิทธิภาพด้านดาต้าเซ็นเตอร์เพื่อรองรับการใช้งานของ ผู้บริโภคที่เพิ่มขึ้น การประหยัดพลังงาน และลดมลภาวะควบคู่กัน อย่างไรก็ตาม จากการเปิดตัว 3จี ในประเทศไทย ทำให้ผู้ให้บริการเครือข่าย (โอเปอเรเตอร์) มีความต้องการขยายเครือข่ายให้รองรับการใช้งานของลูกค้า ตลาดดังกล่าวจึงเติบโตขึ้นอย่างเป็นประวัติการณ์ รวมถึงตลาดระบบเครือข่ายไร้สาย ที่ต้องอาศัยโครงสร้างพื้นฐานการเชื่อมต่อผ่านสายที่มีประสิทธิภาพ รองรับการใช้งานที่มีการรับส่งข้อมูลขนาดใหญ่ขึ้น รวมถึงอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงตามบ้าน ที่เติบโตและแข่งขันในเรื่องของความเร็ว ซึ่งล้วนต้องการการใช้งานด้านสายเชื่อมต่อคุณภาพสูง.