User Online ( 1 ) 
 ระบบสมาชิก  ตั้งเป็นหน้าแรก  แจ้งโอนเงิน
 ตะกร้าสินค้า ( 0 Item ) 
Home » ข่าว » เอชพีจับมือเอเอ็มดีลุยโน้ตบุ๊กบางเบา
 
 ค้นหาสินค้า
 ตู้ Close Rack (31)
 ตู้ Wall Rack (9)
 ตู้ Open Rack (5)
 ตู้ Rack Accessories (39)
 สายLAN(UTP) สายแลน (183)
 เครื่อง Server (35)
 เครื่องสำรองไฟ UPS (62)
 
 สมัครสมาชิกจดหมายข่าว
สมัครรับจดหมายข่าว รับข้อเสนอพิเศษ จากร้านค้า
 ข่าว

เอชพีจับมือเอเอ็มดีลุยโน้ตบุ๊กบางเบา

เอชพี ผนึกเอเอ็มดี เปิดไลน์ผลิตภัณฑ์ครบเซต คุยครั้งแรกที่มีโน้ตบุ๊กบางเบาราคาต่ำกว่า 2 หมื่น เชื่อตลาดปีนี้มาแน่ คาดตลาดขยายแตะ 20% ด้านเอเอ็มดีเพิ่มงบการตลาด 30% สร้างตลาด AMD Fusion

นายพงศ์ ธวัช พิเชษฐเลอมานวงศ์ ผู้จัดการกลุ่มผลิตภัณฑ์และการตลาด กลุ่มธุรกิจเพอร์ซันแนล ซิสเต็มส์ บริษัท ฮิวเลตต์-แพคการ์ด (ประเทศไทย) จำกัด หรือ เอชพี กล่าวว่า จากสภาพตลาดคอมพิวเตอร์ในประเทศไทยที่ยังคงมีกระแสตอบรับในทางที่ดีทั้งที่ เป็นคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะที่เป็นออลอินวันและสแตนด์อโลน รวมถึงไปโน้ตบุ๊กคอมพิวเตอร์แบบบางเบา หรือ Thin & Light จากไอดีซี ระบุว่า ปีนี้ขนาดตลาดโดยรวมจะมีประมาณ 3.9 ล้านเครื่อง ประกอบกับเป็นการตอกย้ำถึงทิศทางที่ทางเอชพียังคงดำเนินธุรกิจทางด้านพีซี ต่อจึงได้วางตลาดไลน์ผลิตภัณฑ์ใหม่ทั้งคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะ ออลอินวันและโน้ตบุ๊กที่บางเบา ที่ใช้เทคโนโลยีประมวลผลข้อมูล AMD Fusion ทั้งหมด

ปัจจุบัน เอชพี ถือเป็นผู้นำตลาดในส่วนที่เป็นคอมพิวเตอร์แบบออลอินวัน ด้วยส่วนแบ่งตลาด 40% ในขณะที่คอมพิวเตอร์แบบบางเบา DM1 ที่เปิดตัวในครั้งนี้จะเป็นผลิตภัณฑ์หลักที่ทางเอชพีจะโฟกัสเป็นพิเศษ โดยเน้นการทำตลาดไปยังกลุ่มวัยรุ่นและนักศึกษาที่ต้องการเครื่องที่มีดีไซน์ และประสิทธิภาพควบคู่กัน ในราคาเพียง 15,900 บาท ซึ่งต่างจากในอดีตที่โน้ตบุ๊กประเภทนี้จะมีราคาที่สูงประมาณ 2-3 หมื่นบาท

“ตลาดของ DM1 จะอยู่ระหว่างเน็ตบุ๊กที่เน้นความเบาและใช้งานที่นาน กับโน้ตบุ๊กคอมพิวเตอร์ที่มีประสิทธิภาพสูง และจากการที่ใช้ซีพียูของเอเอ็มดีทำให้เอชพีสามารถทำราคาโน้ตบุ๊กในเซกเมนต์ นี้ลงมาได้ต่ำกว่า 2 หมื่นบาท จากปกติต้องอยู่ที่ระดับราคาเกือบๆ 3 หมื่นบาท”

นายพงศ์ธวัช ยอมรับว่า ตลาดของคอมพิวเตอร์แบบบางเบานั้น ในประเทศไทยยังมีขนาดที่ไม่ใหญ่มาก แต่จากพฤติกรรมการใช้งานของผู้บริโภคที่มีไลฟ์สไตล์ที่เป็นโมบิลิตีเพิ่ม ขึ้นทำให้เชื่อว่า ตลาดส่วนนี้จะมีประมาณ 10% ของตลาดคอนซูเมอร์โน้ตบุ๊กที่ปีนี้คาดว่า มีประมาณ 2.4-2.5 ล้านเครื่อง และน่าจะเพิ่มเป็น 20% ได้ภายในปีหน้า

นายจักรกฤช วัชระศักดิ์ศิลป์ ผู้จัดการประจำประเทศไทย บริษัท เอเอ็มดี ประเทศไทย จำกัด กล่าวว่า ความร่วมมือกับเอชพีซึ่งถือเป็นพันธมิตรเชิงกลยุทธ์อันดับ 2 รองจากเอเซอร์ที่มีการนำโน้ตบุ๊กคอมพิวเตอร์ที่ใช้ซีพียูของเอเอ็มดีเข้ามา ทำตลาด ซึ่งมีส่วนผลักดันให้เอเอ็มดีมีส่วนแบ่งทางการตลาดในประเทศไทยจากผลสำรวจของ ไอดีซีประจำเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา เอเอ็มดีมีส่วนแบ่งถึง 20% ซึ่งถือว่ามีอัตราการเติบโตแบบก้าววกระโดดจากเมื่อครั้งที่เอเอ็มดีร่วมมือ กับเอชพีในการผลักดันโน้ตบุ๊กที่ใช้เอเอ็มดีเมื่อ 3 ปีที่แล้วที่มีเพียงไม่กี่เปอร์เซ็นต์

เพื่อเป็นการผลักดันตลาดโน้ตบุ๊กคอมพิวเตอร์ที่ใช้เทคโนโลยี AMD Fusion ที่มีจุดเด่นในเรื่องของการชิปเซตทางด้านกราฟิกมาใส่ในซีพียู ขนาดที่คู่แข่งอย่างอินเทลก็มีเช่นกัน แต่กลับไม่สามารถแสดงผลคุณภาพแบบเอชดีได้ดีเท่ากับของเอเอ็มดีบนวินโดว์ส 7 ซึ่งตลาดยังไม่ค่อยมีคนรู้ในเรื่องนี้มากนัก จึงได้มีแผนที่จะโปรโมตจุดเด่นดังกล่าวให้กับตลาดในประเทศไทยให้รู้กันมาก ขึ้น

นายจักรกฤช กล่าวว่า เมื่อประมาณไตรมาสที่ 2 ของปีนี้ ทางเอเอ็มดีได้เพิ่มงบกิจกรรมการตลาดในการกระตุ้นตลาดเพิ่มขึ้น 20-30% จากงบการตลาดที่ใช้อยู่ทุกปี สิ่งที่เอเอ็มดีเริ่มทำไปบ้างแล้ว ก็คือ 1.การเพิ่มบุคลากรกว่า 10 คน ที่เข้าไปให้ความรู้ รวมถึงการอบรมเกี่ยวกับเทคโนโลยี AMD Fusion ให้กับพนักงานขายของ 6 พาร์ตเนอร์รายใหญ่ เช่น บานาน่าไอที ไอทีซิตี้ ฮาร์ดแวร์เฮาส์ ฯลฯ ตั้งแต่ไตรมาสที่ 2 ของปีนี้ และจะขยายพาร์ทเนอร์อีกไม่ต่ำกว่า 20-30 รายในต่างจังหวัด 2.ทำการเพิ่มแรงจูงใจในการขายให้กับพาร์ตเนอร์ด้วยค่าตอบแทนในการขายโน้ต บุ๊กคอมพิวเตอร์ที่ใช้ซีพียู AMD Fusion

“แต่ก่อนนี้ เอเอ็มดีมักจะทำกิจกรรมการตลาดผ่านทางช่องทางจัดจำหน่าย ไม่ได้ลงถึงกลุ่มคอนซูเมอร์แบบนี้ ซึ่งจากการที่เริ่มดำเนินกลยุทธ์ดังกล่าวผลตอบรับในไตรมาส 2 ที่ผ่านมา ยอดขายของพาร์ทเนอร์เติบโตขึ้นถึง 70%”

นายจักรกฤช กล่าวอีกว่า ตลาดโน้ตบุ๊กแบบบางเบาน่าจะบูมในตลาดประเทศไทยราวๆ ปีหน้า ซึ่งถือเป็นเซกเมนต์ใหม่ เป็นตลาดของผู้ใช้ที่เคยใช้โน้ตบุ๊กคอมพิวเตอร์มาแล้ว เนื่องจากผู้เริ่มต้นซื้อโน้ตบุ๊กคอมพิวเตอร์มาใช้งานยังคงมีความต้องการ โน้ตบุ๊กที่มีซีดี-รอมอยู่ ซึ่งคงจะต้องใช้เวลาเรียนรู้พอสมควร แต่ถ้าหากมีระบบสื่อสารที่ดีขึ้น อาทิ 3G หรืออินเทอร์เน็ตความเร็วสูงมากขึ้น โอกาสที่ผู้ใช้จะหันมาใช้ก็จะมีมากขึ้นตามไปด้วย
Copyright RackServerOnline.com 2010 - 2025. All rights Reserved.