นาย มอนตี้ หว่อง ผู้จัดการทั่วไป กลุ่มธุรกิจเพอร์ซันแนล ซิสเต็มส์ บริษัท ฮิวเลตต์-แพคการ์ด (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า แนวโน้มตลาดพีซีแบบบางเบา หรือ "ธิน แอนด์ ไลท์" กำลังจะเป็นดาวเด่นของกลุ่มโน้ตบุ๊ค โดยเป็นการพัฒนาเพื่อตอบโจทย์ความต้องการของผู้ใช้ โดยเฉพาะผู้ซื้อเครื่องที่ 2 ที่เน้นความบาง แบตเตอรี่นาน น้ำหนักเบา

นอก จากนี้ยังเป็นพัฒนาการของโน้ตบุ๊ตบางเบาที่ใช้เทคโนโลยี "ซียูแอลวี" ซึ่งเคยเป็นกระแสในตลาดเมื่อราว 2-3 ปีที่ผ่านมา แต่ยังไม่ได้รับการตอบรับเท่าที่ควร เนื่องจากราคายังอยู่กลุ่มพรีเมี่ยม และไม่รองรับการใช้งานฟังก์ชั่นแบบไฮเดฟฟินิชั่น

นายหว่องเผยว่า เอชพีมีนโย บายจะเพิ่มอัตราการใช้งานพีซีในไทย ซึ่งปัจจุบันยังต่ำมาก หรือเพียง 5.6% เมื่อเทียบกับหลายประเทศ เช่น สหรัฐ หรืออังกฤษที่มีพีซีใช้ 100% แล้ว โดยธิน แอนด์ไลท์จะเน้นตลาดระดับราคา 16,900-20,000 บาท ต่างกับตลาดเน็ตบุ๊คที่เน้นราคา 8,000-9,000 บาท และตลาดโน้ตบุ๊คโลว์เอ็นด์ที่ราคาหมื่นต้นๆ และมีฟังก์ชั่นการใช้งานหลายอย่างแตกต่างกัน โดยเฉพาะจะไม่มีดีวีดี

ล่าสุดบริษัทเปิดตัว "เอชพี พาวิลเลียน ดีเอ็ม1" โน้ตบุ๊คบางเบา ทำงานด้วยเอพียู จากเอเอ็มดี ขนาดไม่ถึง 1 นิ้ว ราคา 15,990 บาท (รวมภาษี) ตอบโจทย์การทำงานที่อยู่ระหว่างแทบเล็ต และเน็ตบุ๊ค ในราคาที่ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของตลาดที่ราคามากกว่า 2 หมื่นบาทขึ้นไป

รวมทั้งยังได้เปิดตัวพีซีที่ทำงานด้วยแพลตฟอร์มของเอเอ็มดีเพิ่มอีก 3 รุ่นคือ เอชพี พาวิลเลี่ยน พี6, ทัชสมาร์ท 320 และออมนิ พีซี ราคาเริ่มต้น 13,390 บาท (รวมภาษี) เน้นผู้ใช้พีซีตามบ้าน

"เรา พยายามบาลานซ์พอร์ตสินค้าทั้งเอเอ็มดี และอินเทล เพื่อตอบสนองความต้องการของตลาดทุกกลุ่ม และมีสินค้าใหม่ๆ เข้ามาทุกเดือน เพื่อรักษาส่วนแบ่งตลาด และรายได้ของเอชพี โดยบริษัทยังยืนว่าเอชพียังเป็นแบรนด์พีซีเบอร์ 2 ของตลาดไทย"

นาย จักรกฤช วัชระศักดิ์ศิลป์ ผู้จัดการประจำประเทศไทย บริษัท เอเอ็มดี ประเทศไทย เผยว่า พีซีภายใต้คอนเซปท์ธิน แอนด์ ไลท์กำลังจะเป็นตลาดสำคัญที่เห็นแนวโน้มชัดขึ้นปีหน้า นอกจากนี้ยังเป็นช่วงที่ตลาดพีซีกำลังจะพัฒนารองรับแนวโน้มการใช้งานกราฟฟิก และภาพแบบไฮเดฟฟินิชั่น ซึ่งเอเอ็มดีได้เปรียบด้านเทคโนโลยีจากที่ซื้อบริษัทเอทีไอทำให้พัฒนาชิพแบบ "เอพียู" ที่รวมกราฟฟิกการ์ดให้ทำงานได้พร้อมซีพียูเป็นแพลตฟอร์มเดียว

พร้อมกันนี้ ได้จัดสรรงบพิเศษให้ตัวแทนจำหน่ายรายใหญ่ๆ เพื่อกระตุ้นการขาย

ส่วน ผลกระทบจากภัยน้ำท่วมจะยังไม่เห็นผลกระทบยอดไตรมาส 3 เนื่องจากแผนการตลาดต่างๆ ดำเนินการมาแล้ว แต่หากยืดยื้อต้องรอประเมินสถานการณ์ไตรมาส 4 อีกครั้ง