สตีฟ บัลเมอร์ หวัง “วินโดว์ส 8” ช่วยฟื้นภาพลักษณ์ใหม่ไมโครซอฟท์ เผยหลังปล่อยเวอร์ชั่นทดสอบ ยอดดาวน์โหลดทะลุกว่า 5 แสนโหลด

สำนักข่าวเอพีรายงานว่า นายสตีฟ บัลเมอร์ ซีอีโอ ไมโครซอฟท์ แสดงความมั่นใจต่อระบบปฏิบัติการวินโดว์ส ว่ายังเป็นกุญแจสำคัญที่ทำให้ไมโครซอฟท์เป็น ผู้ผลิตซอฟต์แวร์ที่มีสถานะทางการเงินแข็งแกร่ง แม้ว่าหลายปีที่ผ่านมา การชะลอตัวลงของตลาดพีซี ทำให้เกิดความวิตกกังวล และมีผลกระทบต่อวิธีการพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ๆ ให้เข้ากับไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตและการดำเนินธุรกิจยุคใหม่

“เราจะใช้โอเอสวินโดว์สเป็นศูนย์กลางสำหรับวางกลยุทธ์การขับเคลื่อน องค์กรไปข้างหน้า ผมเองรู้สึกมั่นใจมากว่าแนวคิดนี้เป็นคำตอบที่ถูกต้องที่สุดที่จะทำเพื่อผู้ บริโภค และผู้ถือหุ้นของเรา”

รายงานข่าว ระบุว่า นายบัลเมอร์ แสดงทัศนะเชิงบวกต่อนวัตกรรมใหม่ล่าสุด “วินโดว์ส 8” ซึ่งถูกปรับโฉมมาอย่างดีที่สุดตั้งแต่ระบบปฏิบัติการเวอร์ชั่นก่อนหน้านี้ ที่สร้างผลกำไรให้อย่างงดงามเมื่อปี 2538 โดยมีความสมบูรณ์ทั้งการออกแบบที่รองรับการทำงานร่วมกับดีไวซ์อื่นๆ ได้รวดเร็ว ทั้งยังเหมาะกับแทบเล็ตจอทัชสกรีน รวมถึงตลาดพีซีที่มีคีย์บอร์ด และเมาส์เป็นส่วนประกอบ

นักวิเคราะห์ มองว่า ท่าทีของไมโครซอฟท์ที่ แสดงออกมาค่อนข้างรุนแรงเช่นนี้ เกิดจากการกระตุ้นโดยยอดขายไอแพด ของแอ๊ปเปิ้ล อิงค์ และแม้ว่าจะยังไม่ออกมาเปิดเผยกำหนดการวางตลาดที่แน่นอน แต่คาดว่า น่าจะอยู่ในช่วงเดือนกรกฎาคมถึงเทศกาลวันหยุดของปี 2555 พร้อมกับ คาดว่า ไอแพดจะมียอดจำหน่ายเพิ่มขึ้นในขณะนั้นอีกไม่ต่ำกว่าหลัก 10 ล้านเครื่อง ก่อนที่วินโดว์ส 8 จะถึงกำหนดคลอดอย่างเป็นทางการ

นายบัลเมอร์ กล่าวด้วยว่า ได้เห็นผลตอบรับที่ดีของวินโดว์ส 8 ตามความคาดหมาย เพียงแค่เปิดเวอร์ชั่นทดสอบให้นักพัฒนาทดลองใช้ ภายใน 24 ชั่วโมงแรกมียอดดาวน์โหลดมากถึง 5 แสนครั้ง

“ผมไม่แปลกใจกับปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้น มันเป็นไปตามที่เราคาดหวังกันไว้ วินโดว์ส 8 คือหนึ่งก้าวสำคัญที่จะนำไมโครซอฟท์ไปสู่การรีอิมเมจแบรนด์อีกครั้ง” นายบัลเมอร์ กล่าว

รายงานข่าว ระบุว่า ไมโครซอฟท์พยายาม เดินกลยุทธ์ที่น่าตื่นตาให้กับระบบปฏิบัติการตัวนี้ไว้หลากหลายมิติ เช่น อนุญาตให้ซัมซุงนำไปทดลองใช้กับแทบเล็ต 5 พันเครื่อง พร้อมกับเปิดโอกาสให้นักพัฒนาทั่วไปนำซอฟต์แวร์ไปทดสอบกับดีไวซ์ของตัวเอง ได้ด้วย

ล่าสุดสำนักข่าวเอเอฟพี รายงานว่า บริษัทวิจัยตลาดไอดีซีปรับคาดการณ์ยอดขายสินค้าไฮเทคดาวรุ่ง "แทบเล็ต-อีรีดเดอร์" โดยแทบเล็ตทั่วโลกจะสูงถึง 62.5 ล้านเครื่องในปีนี้ จากเดิมที่คาดว่าจะมียอดขายราว 53.5 ล้านเครื่อง โดยในไตรมาส 2 ที่ผ่านมายอดจำหน่ายแทบเล็ตทั่วโลกเพิ่มขึ้น 88.9% จากไตรมาสก่อนหน้า หรือ 13.6 ล้านเครื่อง และคิดเป็นอัตราการเติบโตสูงถึง 303.8% จากปีก่อนหน้า และไอแพดยังครองเบอร์หนึ่งตลาดแทบเล็ตโลก

ส่วนยอดขายแทบเล็ตที่ใช้ระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์กลับมีส่วนแบ่งตลาดลดลง เหลือ 26.8% จากเดิม 34% ในไตรมาสดังกล่าว เป็นผลจากการวางตลาดของ "เพลย์บุ๊ค" จากรีเสิร์ช อิน โมชั่น (ริม) ผู้ผลิตสินค้าแบรนด์แบล็กเบอร์รี่โดยปัจจุบันริมมีส่วนแบ่งตลาดแล้วราว 4.9%

พร้อมกันนี้ไอดีซีได้เผยถึงยอดขายเครื่องอ่านหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ (อี-รีดเดอร์) พบว่า ยอดขายในไตรมาส 2 ลดลง 9% เหลือเพียง 5.4 ล้านเครื่อง และคิดเป็นอัตราการเติบโตต่อปี 167% "คินเดิล" จากอะเมซอนครองส่วนแบ่งสูงสุด 51.7% ตามมาด้วย "นุ๊ค" จากบาร์นส์ แอนด์ โนเบิล 21.2%

ไอดีซีได้ปรับคาดการณ์ยอดขายอี-รีดเดอร์ในปีนี้จาก 16.2 ล้านเครื่องเป็น 27 ล้านเครื่อง