 |
 |
 |
 |
ข่าว |
 |
 |
|
 |
 |
โฉมใหม่ "Amazon.com" ย้ำภาพผู้นำ "อีคอมเมิร์ซ"
ใคร จะเชื่อว่าธุรกิจที่เริ่มจากร้านขายหนังสือออนไลน์ จะกลายเป็นยักษ์ใหญ่ด้านอีคอมเมิร์ซอันดับหนึ่งของโลกนามว่า "อะเมซอน" ได้ในวันนี้ ที่สำคัญกว่าเป็นการขยับขยายกิ่งก้านสาขาของตนเองออกไปอย่าง ไม่มีที่สิ้นสุด จนได้รับการจับตามองว่าอาจเป็นหนึ่งในคู่แข่งสำคัญของทั้ง "แอปเปิล" และ "กูเกิล" อีกต่างหาก
นักวิเคราะห์บางสำนักคาดการณ์ว่า อะเมซอนมีโอกาสขยับสถานะขึ้นเป็นบริษัทไอทีที่มีศักยภาพทางธุรกิจมากที่สุด ในโลกได้ไม่ยาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งอีคอมเมิร์ซดังรายนี้กำลังซุ่มเงียบพัฒนา "แท็บเลต" จอสีราคาถูกออกสู่ตลาด พร้อมกับการแปลงโฉมหน้าตาเว็บไซต์ขนานใหญ่ มีเป้าหมายเพื่อให้ผู้บริโภคเข้าถึงเว็บไซต์ง่ายขึ้นโดยไม่มีข้อจำกัดด้าน อุปกรณ์
เมื่อเร็ว ๆ นี้แวดวงไอทีโลกเริ่มตั้งคำถามว่า เป็นไปได้แค่ไหนที่"อะเมซอน" จะครองตลาดโลก ?
เว็บ ไซต์ "อินเวสเตอร์เพลซ" ระบุว่า แม้รายชื่อบริษัทไอทีที่ปรากฏให้เห็นเป็นพาดหัวข่าวมักหนีไม่พ้น "แอปเปิล", "กูเกิล" และ "เฟซบุ๊ก" แต่ไม่ได้หมายความว่าบริษัทอีคอมเมิร์ซขนาดยักษ์อย่าง "อะเมซอน" จะด้อยกว่ายักษ์ไอทีเหล่านั้น หนำซ้ำเมื่อเทียบกันในแง่ศักยภาพทางธุรกิจ "อะเมซอน" อาจเหนือกว่าบริษัททั้ง 3 แห่งนั้นด้วยซ้ำ เนื่องจากการค้าขายออนไลน์เป็นกระแสที่กำลังมาแรง และจะได้รับความนิยมมากขึ้นในอนาคต
หากให้ลองนึกชื่อเว็บไซต์อีคอม เมิร์ซชื่อ "อะเมซอน" คงผุดขึ้นมาเป็นอันดับแรก ๆ แม้แต่ "อีเบย์" ซึ่งเป็นเหมือนคู่แข่งสำคัญที่สุดยังโดน "อะเมซอน" ทิ้งห่างพอสมควร
ไม่ใช่แค่นั้น ธุรกิจของ "อะเมซอน" ยังส่งผลกระทบลามไปถึงร้านค้าปลีกนอกระบบออนไลน์อย่างเบสต์บาย และวอล-มาร์ตด้วย
อย่าง ไรก็ตาม ปัจจุบัน "อะเมซอน" ยังถือเป็นยักษ์เล็กในธุรกิจค้าปลีก เพราะหากเทียบผลประกอบการปีที่แล้ว "อะเมซอน" มีรายได้ประมาณ 3,400 ล้านเหรียญสหรัฐ ขณะที่ "วอล-มาร์ต" ทำรายได้สูงถึง 422,000 ล้านเหรียญสหรัฐ แต่ในอีกมุมหนึ่งแสดงให้เห็นว่า "อะเมซอน" ยังมีโอกาสเติบโตได้อีกมากเพราะตลาดที่อะเมซอนครอบคลุมไปถึงมีขนาดใหญ่มาก
ปัจจัย สำคัญคือ เพราะเป็นร้านค้าปลีกออนไลน์จึงรองรับลูกค้าได้ทั่วโลก ทั้งยังมีโครงสร้างองค์กรที่กว้างขวางทำให้บริษัทส่งสินค้าได้ในราคาถูก นำเสนอบริการที่ดีให้ลูกค้าได้พร้อมกัน แม้ร้านค้าปลีกแบบดั้งเดิมจะเริ่มหันมาเล่นในตลาดอีคอมเมิร์ซแข่งกับ "อะเมซอน" บ้างแล้ว แต่เสียเปรียบจากการที่ไม่สามารถลงทุนด้านนี้ได้เต็มที่ เพราะยังต้องดูแลร้านค้าทั่วไปของตนเองด้วย
ขณะเดียววัน "อะเมซอน" ยังลงทุนอย่างหนักในเรื่องการขยายแพลตฟอร์มดิจิทัลของตนเอง เพื่อให้มีประสิทธิภาพสูงขึ้น มีเทคโนโลยีทันสมัยมากขึ้น รวมไปถึงการลงทุนพัฒนา "แท็บเลต" ของตนเองอย่าง "คินเดิล" ซึ่งเริ่มหันมาเน้นเจาะตลาดระดับล่างแทนที่จะไปงัดข้อกับ "แท็บเลต" พรีเมี่ยมเจ้าตลาดอย่าง "ไอแพด" ของแอปเปิล
"ฟอเรสเตอร์ รีเสิร์ช" ระบุว่าแท็บเลตของอะเมซอนน่าจะมียอดขายถึง 5 ล้านเครื่องในไตรมาส 4 ปีนี้ ซึ่งเป้าหมายด้านยอดขายของแท็บเลตของอะเมซอนไม่ได้มีจุดประสงค์เพื่อสร้าง รายได้เป็นกอบเป็นกำ แต่ใช้เพื่อสร้างความภักดีให้ลูกค้าซื้อสินค้าจากร้านออนไลน์ รวมถึงการเพิ่มช่องทางการจำหน่ายสินค้าของตนเองมากขึ้น ทำให้ยอดขายอีบุ๊กของอะเมซอนทะลุยอดขายหนังสือจริงไปแล้ว
ล่าสุดมี กระแสข่าวพูดถึง "แท็บเลต" รุ่นใหม่ของ "อะเมซอน" ด้วย แม้จะยังไม่มีการยืนยันว่าจะใช่ "คินเดิล"รุ่นใหม่หรือไม่ แต่ข้อมูลสำคัญ ๆ ที่หลุดออกมาก็น่าสนใจทีเดียว ตั้งแต่ เป็นแท็บเลตขนาด 7 นิ้ว หน้าจอสีเครื่องแรกของอะเมซอน, ใช้ระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์, ความจุ 6 จิกะไบต์, ไม่มีกล้อง และจะมีราคาประมาณ 250 เหรียญสหรัฐ เป็นที่คาดการณ์ด้วยว่า "แท็บเลต" พะยี่ห้อ "อะเมซอน" จะวางตลาดในเดือน ต.ค. นี้ หากได้รับการตอบรับดีจากตลาดยักษ์อีคอมเมิร์ซ "อะเมซอน" วางแผนออกแท็บเลตขนาด 10 นิ้วในไตรมาสแรกปีหน้า
เมื่อเร็ว ๆ นี้ "อะเมซอน" ยังเปิดเผยแผนการปรับรูปลักษณ์เว็บไซต์ครั้งใหญ่ ซึ่งอาจถึงขั้นเปลี่ยนรูปแบบการซื้อขายออนไลน์ภายในเว็บไซต์ด้วย
โดย ผู้เชี่ยวชาญได้ออกมาแสดงความเห็นว่า เว็บไซต์อะเมซอนแบบใหม่จะพัฒนาให้ดีขึ้นเพื่อให้รองรับการใช้งานบนแท็บเลต ได้สะดวกขึ้น ซึ่งเป็นสัญญาณชี้ให้เห็นว่าบริษัทต้องการยกระดับประสบการณ์การช็อปปิ้งออ นไลน์ผ่าน "ไอแพด" ของแอปเปิล หรือไม่ก็ผ่านแท็บเลตรุ่นใหม่ของตนเองให้ดีขึ้นกว่าเดิม
นอกจากนี้ ลูกค้ายังสามารถสั่งซื้อสินค้าหรือดูตัวอย่างสินค้าดิจิทัลคอนเทนต์ผ่านแท็บเลตของร้านค้าปลีกได้อีกด้วย
เว็บไซต์ ใหม่ของ "อะเมซอน" จะมีรูปแบบการจัดวางหัวข้อเป็นกลุ่มเป็นก้อนมากกว่าแบบดั้งเดิม ดีไซน์ให้มีปุ่มกดต่าง ๆ น้อยลง, มีพื้นที่ว่างบนหน้าเว็บไซต์มากขึ้น และมีช่องเสิร์ชข้อมูลขนาดใหญ่ขึ้น
นอกจากนี้ หน้าเว็บใหม่จะขยายส่วนที่จำหน่ายคอนเทนต์ดิจิทัลมากขึ้น แทนการจำหน่ายสินค้าทั่วไปแบบก่อน ๆ เห็นได้จากรูปแบบแถบปุ่มเพียงแถบเดียวที่จะโฆษณาเฉพาะดิจิทัลบุ๊ก, เพลง, วิดีโอ และซอฟต์แวร์
"เดวิด เซลินเกอร์" อดีตผู้จัดการ ของอะเมซอนแสดงความเห็นในประเด็นนี้ว่า จากการที่ผู้บริโภคเริ่มเปลี่ยนไปซื้อสินค้าออนไลน์ผ่านแท็บเลตมากขึ้น การทำเนื้อหาให้มีพลวัตและเหมาะกับลูกค้าถือเป็นเรื่องที่สำคัญมาก และนั่นคือจุดประสงค์หลักของการปรับหน้าเว็บไซต์อะเมซอนในครั้งนี้ โดยดึงฟีเจอร์ดังกล่าวมาทำให้โดดเด่นบนหน้าเว็บ
ด้าน "ฟิโอน่า ไดแอส" หัวหน้าทีมวางแผน บริษัทช็อปรันเนอร์ บริการด้านการส่งให้ร้านค้าออนไลน์หลายแห่งมองว่า การปรับโฉมเว็บไซต์เป็นเรื่องปกติที่ต้องทำทุก 2-3 ปีอยู่แล้ว อีกทั้งหน้าตาเว็บไซต์ "อะเมซอน" ปัจจุบันมีปุ่ม มีภาพ กระจายจนดูรกเกินไป การทำให้หน้าเว็บไซต์ใช้งานง่ายขึ้น สะอาด เรียบง่ายมากกว่าเดิมทำให้เว็บไซต์ สามารถปรับใช้งานได้กับอุปกรณ์หลายแบบ เช่น สมาร์ทโฟน, แท็บเลตต่าง ๆ ง่ายกว่าเดิมด้วย
แน่นอนว่าคู่แข่ง ของ "อะเมซอน" ซึ่งเป็นร้านค้าออนไลน์รายอื่น ๆ ต่าง จับจ้องการเปลี่ยนแปลงหน้าเว็บไซต์ครั้งนี้ว่าจะสามารถเพิ่มยอดรายได้ให้อะ เมซอนได้เท่าไร หากฟังก์ชั่นใดออกมาถูกใจลูกค้า บรรดาเว็บไซต์คู่แข่งคงดึงมาปรับใช้ตาม ๆ กันแน่นอน
อย่างไรก็ตาม "อะเมซอน" ไม่ได้ระบุแน่ชัดว่าโฉมหน้าเว็บไซต์ใหม่จะเสร็จทั้งหมดพร้อมนำมาใช้จริงได้ เมื่อใด แต่น่าจะปล่อยเวอร์ชั่นทดลองออกมาให้ได้เห็นกันภายในปลายปีนี้
|
 |
 |
 |
 |