User Online ( 1 ) 
 ระบบสมาชิก  ตั้งเป็นหน้าแรก  แจ้งโอนเงิน
 ตะกร้าสินค้า ( 0 Item ) 
Home » ข่าว » Edited - Nvidia มั่นใจอีก 4 ปีตลาดชิปอุปกรณ์มือถือโตกระฉูด
 
 ค้นหาสินค้า
 ตู้ Close Rack (31)
 ตู้ Wall Rack (9)
 ตู้ Open Rack (5)
 ตู้ Rack Accessories (39)
 สายLAN(UTP) สายแลน (183)
 เครื่อง Server (35)
 เครื่องสำรองไฟ UPS (62)
 
 สมัครสมาชิกจดหมายข่าว
สมัครรับจดหมายข่าว รับข้อเสนอพิเศษ จากร้านค้า
 ข่าว

Edited - Nvidia มั่นใจอีก 4 ปีตลาดชิปอุปกรณ์มือถือโตกระฉูด

เอ็นวิเดีย (Nvidia) ยักษ์ใหญ่ตลาดชิปกราฟิกระดับไฮเอนด์ มั่นใจธุรกิจจำหน่ายหน่วยประมวลผลสำหรับอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์พกพาของบริษัท จะเติบโตเกิน 10 เท่าตัวในอีก 4 ปีข้างหน้า ขณะเดียวกัน ธุรกิจดั้งเดิมอย่างหน่วยประมวลผลภาพกราฟิกก็เชื่อว่าจะขยายตัวอีก 75% เป็นคิดเป็นยอดเม็ดเงินไม่ต่ำกว่า 7 พันล้านเหรียญสหรัฐภายในปี 2015

การประเมินธุรกิจชิปของเอ็นวิเดียนั้นถูกเปิดเผยโดยซีอีโอ เจน-ฮซุน ฮวง (Jen-Hsun Huang) โดยซีอีโอเอ็นวิเดียระบุว่า ภายในปี 2015 ธุรกิจชิปสำหรับอุปกรณ์พกพาของเอ็นวิเดียจะสามารถทำรายได้ไม่ต่ำกว่า 2 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 6 แสนล้านบาท ซึ่งเอ็นวิเดียจะทุ่มเทกำลังเพื่อให้สามารถรองรับเป้าหมายดังกล่าว

ตัวเลขดังกล่าวไม่ใช่เรื่องโคมลอย เพราะตลอด 2 ปีที่ผ่านมา เอ็นวิเดียมีผลงานจับต้องได้ในเรื่องการขยายฐานจากตลาดชิปคอมพิวเตอร์มาสู่ ตลาดชิปอุปกรณ์พกพาด้วยฝีมือสินค้าชูโรงตระกูล Tegra ปัจจุบันชิปตระกูล Tegra ถูกติดในสมาร์ทโฟนและแท็บเล็ตหลายรุ่น เช่นสมาร์ทโฟน Optimus 2X ของแอลจี - Edited

ซีอีโอเอ็นวิเดียประเมินว่าภายในปีนี้ โลกมีอุปกรณ์พกพาที่ต้องใช้ชิปประมวลผลราว 100 ล้านเครื่องอยู่ในตลาด โดยตัวเลขนี้สามารถขยายเป็น 1 พันล้านเครื่องได้ในอนาคตเพราะความต้องการ 3 อุปกรณ์พกพาทั้งสมาร์ทโฟน, คอมพิวเตอร์แท็บเล็ตที่สามารถทำงานได้ดีกว่าหน่วยประมวลผล ARM และคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊กบางเฉียบที่จะกลายเป็นโน้ตบุ๊กส่วนใหญ่ในท้องตลาดบน ราคาที่ต่ำลง

ปัจจุบัน ซีอีโอเอ็นวิเดียคาดว่าชิปตระกูล Tegra ถูกใช้ในสมาร์ทโฟนแอนดรอยด์ระดับสูงมากกว่าครึ่งหนึ่งในตลาด โดยสามารถครองส่วนแบ่งตลาดแท็บเล็ตได้สูงเกิน 70% ในขณะนี้ ซึ่งทั้ง 2 กลุ่มธุรกิจจะเป็นตลาดหลักที่เอ็นวิเดียเชื่อว่าจะมีโอกาสขยายตัวก้าวกระโดด ในอนาคต

โดยเฉพาะเมื่อเอ็นวิเดียสามารถควบรวมกิจการกับ Icera ซึ่งทำให้เอ็นเวิเดียสามารถผลิตชิปหน่วยประมวลผลที่สามารถรับสัญญาณโทรศัพท์ มือถือได้ จุดนี้จะทำให้เอ็นวิเดียสามารถผลิตชิปแก่ผลิตภัณฑ์สมาร์ทโฟนที่เป็น แมสโปรดักต์ได้มากขึ้น และจะทำให้ Tegra สามารถแข่งกับชิป Snapdragon ของควอลคอมม์ (Qualcomm) ซึ่งสามารถผลิตชิปลูกผสมนี้อยู่แล้วได้ดีกว่าเดิม

ทั้งหมดนี้ เอ็นวิเดียยอมรับว่าคู่แข่งของบริษัทในตลาดชิปอุปกรณ์พกพานั้นมีอยู่ราย เดียวคือควอลคอมม์ แต่ก็เชื่อว่าเอ็นวิเดียสามารถแข่งขันได้ดีโดยเฉพาะในตลาดแท็บเล็ตแอนดรอยด์ ซึ่งเติบโตช้าในช่วงแรก เบื้องต้นคาดว่าภายใน 4 ปีนับจากนี้ ตลาดแท็บเล็ตแอนดรอยด์จะขยายตัวก้าวกระโดด และมีส่วนแบ่งตลาดเกินครึ่งหนึ่งของตลาดแท็บเล็ตทั้งหมด

นอกจากนี้ ซีอีโอเอ็นวิเดียยังมองว่ายักษ์ใหญ่ไอทีอย่างเอชพีและอินเทลไม่ใช่คู่แข่งในธุรกิจอุปกรณ์พกพา โดยระบุว่าการตัดสินใจของเอชพีที่จะแยกธุรกิจพีซีออกไปและปิดตัวแผนกที่ เกี่ยวข้องกับ webOS แสดงถึงความไม่ชัดเจนในการทำธุรกิจอุปกรณ์โมบาย ขณะที่ชิป Atom ของอินเทลไม่ได้อยู่บนสถาปัตยกรรม ARM ซึ่งออกแบบมาเพื่อการประหยัดพลังงานและเหมาะกับการทำงานบนอุปกรณ์พกพาอย่าง สมาร์ทโฟนมากกว่า

สำหรับปัจจัยที่ทำให้เอ็นวิเดียมองว่าชิปกราฟิกจะยังเป็นตลาดที่เติบ โต คือตลาดยังมีความต้องการประสิทธิภาพการทำงานด้านกราฟฟิกที่ดีขึ้นในเครื่อง คอมพิวเตอร์ จุดนี้ซีอีโอเอ็นวิเดียย้ำว่ากล้องดิจิตอลในโทรศัพท์มือถือนั้นไม่ได้ทำให้ ตลาดกล้องดิจิตอลสำหรับมือโปร digital-SLR อวสานไป ทำให้ผู้บริโภคยังต้องการความสามารถในการประมวลผลภาพที่สูงขึ้นอยู่

ซีอีโอเอ็นวิเดียยังเผยถึงแผนการพัฒนาชิป Tegra ในอนาคต ระบุว่าจะดึงความสามารถในการปิดการทำงานชิป Tegra เมื่อไม่ใช้งาน ไปใช้ในชิปกราฟิกสำหรับคอมพิวเตอร์รุ่นอื่นของบริษัทในอนาคต

หลังการเข้าซื้อกิจการบริษัท Icera ด้วยมูลค่า 367 ล้านเหรียญเมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา เอ็นวิเดียระบุว่าจะยังไม่มีแผนเข้าซื้อกิจการใด บนตัวเลขเงินสดสำรองที่บริษัทมีอยู่ 2,500 ล้านเหรียญสหรัฐในขณะนี้
Copyright RackServerOnline.com 2010 - 2025. All rights Reserved.