อีเอ็มซี เผยแนวโน้มตลาดระบบจัดเก็บ-บริหารจัดการข้อมูล ไตรมาส 3 ส่อแววสดใส ชี้องค์กรลงทุนรองรับปริมาณข้อมูลธุรกิจที่เพิ่มขึ้น ล่าสุดเตรียมปรับทัพธุรกิจใหม่ จัดทีมขยายธุรกิจเอสเอ็มอี ตั้งเป้ายอดเติบโตปีนี้ 20%
นายนฐกร พจนสัจ ผู้จัดการประจำประเทศไทย บริษัทอีเอ็มซี อินฟอร์เมชั่น ซิสเต็มส์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่าแนวโน้มตลาดระบบจัดเก็บข้อมูล , ระบบรักษาความปลอดภัยข้อมูล และระบบบริหารจัดการข้อมูล ไตรมาส 3 นั้นมีการเติบโตค่อนข้างดี โดยภาคธุรกิจนั้นยังมีการลงทุนด้านไอทีต่อเนื่อง ขณะที่องค์กรธุรกิจมีปริมาณข้อมูลที่เพิ่มขึ้นทุกวัน ซึ่งเชื่อว่าแนวโน้มจะผลักดันให้บริษัทมียอดการเติบโตในทุกกลุ่มผลิตภัณฑ์
ทั้งนี้ภาคธุรกิจที่มีการลงทุนด้านไอทีมากที่สุด คือ กลุ่มธนาคารที่มีการลงทุนด้านระบบบริหารจัดการเนื้อหา หรือ คอนเทนต์แมเนจเมนต์, ระบบรักษาความปลอดภัยหรือซิเคียวริตี ระบบสำรองข้อมูล หรือระบบแบ็กอัพ และคลาวด์คอมพิวติ้ง ส่วนภาคโทรคมนาคม มีการลงทุนระบบจัดเก็บข้อมูลหรือสตอเรจ เพื่อรองรับกับการให้บริการ 3 จี และมีการลงทุนระบบบริหารจัดการคลังข้อมูล เพื่อวิเคราะห์พฤติกรรมการใช้บริการของลูกค้า
เช่นเดียวกับลูกค้าภาครัฐ ที่มีการลงทุนระบบจัดเก็บข้อมูล เพื่อรองรับกับข้อมูลที่เพิ่มขึ้นอาทิ โครงการให้เด็กอายุ 7 ปีสามารถทำบัตรประชาชนได้ ซึ่งจำเป็นต้องใช้ระบบจัดเก็บข้อมูลเพิ่ม ขณะที่ผู้ให้บริการสาธารณูปโภคและโรงงานอุตสาหกรรมที่มีการลงทุนระบบจัดเก็บ ข้อมูลเพิ่มขึ้น เพื่อรองรับกับปริมาณข้อมูลในองค์กรที่เพิ่มขึ้นทุกวัน
"ครึ่งปีหลังเท่าที่ดูเทรนด์ไตรมาส 3 ค่อนข้างดี ซึ่งถึงไตรมาส 3 ยอดการเติบโตเกือบถึงเป้าที่ตั้งไว้ทั้งปี ส่วนไตรมาสสุดท้ายภาพยังไม่ชัดเจน เนื่องจากต้องรอดูการทำงานของรัฐบาล อย่างไรก็ตามผลิตภัณฑ์ของอีเอ็มซีที่มุ่งเน้นนั้นอยู่ในโพสิชันค่อนข้าง ดี โดยกลุ่มสตอเรจ เศรษฐกิจดีหรือไม่ดี องค์กรก็มีการลงทุนเพื่อรองรับปริมาณข้อมูลที่เพิ่มขึ้น ขณะที่ระบบรักษาความปลอดภัยข้อมูลนั้นเศรษฐกิจไม่มีผล เพราะจำเป็นต้องลงทุนเพื่อรองรับกับภัยคุกคามต่างๆที่เกิดขึ้น ส่วนระบบบริหารจัดการคอนเทนต์ หากเศรษฐกิจดีก็จะมีการลงทุนมากขึ้น เช่นเดียวกับระบบคลังข้อมูล หรือดาต้าแวร์เฮาส์ ที่หากเศรษฐกิจดีองค์กรจะมีการลงทุนเพื่อวิเคราะห์พฤติกรรมลูกค้า สำหรับระบบคลาวด์คอมพิวติ้งนั้นมีแนวโน้มการเติบโตเพราะเป็นกระแส และเป็นเรื่องของการลดต้นทุน ยิ่งถ้าหากเศรษฐกิจไม่ดีองค์กรจำเป็นต้องมีการลงทุนเพื่อลดต้นทุน"
นายนฐกร กล่าวอีกว่าทิศทางครึ่งปีหลังจะมุ่งเน้นการขยายตลาดองค์กรขนาดกลางและเล็ก หรือเอสเอ็มอี มากขึ้น โดยจะมีการจัดตั้งทีมขึ้นมาดูแลตลาดเอสเอ็มอี ที่มีพนักงานต่ำกว่า 250 คน มีงบประมาณลงทุนไอที ตั้งแต่ 10,000- 1 ล้านบาท โดยเฉพาะ ในต่างประเทศนั้นการขยายตลาดเอสเอ็มอีของบริษัทค่อนข้างประสบความสำเร็จ แต่ในไทยจะเริ่มเห็นผลจะเริ่มเห็นตัวเลขการเติบโตประมาณไตรมาส 4 ซึ่งเท่าที่ดูแนวโน้มแล้วโอกาสเติบโตค่อนข้างดี ซึ่งในอนาคตจะมีผลิตภัณฑ์ซอฟต์แวร์บริหารจัดการข้อมูล เข้ามาเสริมระบบจัดเก็บข้อมูลสำหรับกลุ่มเอสเอ็มอี
สำหรับเป้าหมายการเติบโตปีนี้นั้นคาดว่าจะไม่ต่ำกว่า 20% ครึ่งปีแรกที่ผ่านมาเติบโตไปแล้ว 9% ซึ่งผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจในสหรัฐฯ และยุโรป นั้นทำให้บริษัทแม่มีนโยบายผลักดันยอดการเติบโตในเอเชียมากขึ้น เนื่องจากเป็นภูมิภาคที่ยังมีการเติบโตในการลงทุนด้านไอทีสูง