ปักธงรบในประเทศไทยอย่างเป็นทางการแล้ว สำหรับ "กูเกิล" ยักษ์ใหญ่เสริชเอ็นจิ้นระดับโลกจากแดนมะกันที่วันนี้พุ่งเป้าบุกตลาดเอเชีย และล่าสุดคือ การเปิดสำนักงานสาขาประเทศไทย พร้อมกับการแต่งตั้ง "อริยะ พนมยงค์" มาเป็นหัวหน้าฝ่ายธุรกิจ บริษัท กูเกิล ประจำประเทศไทย จำกัด คนแรก ดูแลงานขายและการพัฒนาความร่วมมือกับพันธมิตร

ถือว่าเป็นการ ประกาศบุกตลาดไทยอย่างเต็มตัว เพราะนอกจากจำนวนประชากรเน็ตของไทยที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง ประเทศไทยยังถือว่าเป็นลูกค้า ชั้นดีของ "กูเกิล" เพราะการใช้บริการเสิร์ชเอ็นจิ้นในเมืองไทยนั้นพบว่ากว่า 99% เป็นการใช้บริการของกูเกิล เรียกว่าผูกขาดหรือไม่มีคู่แข่งเลย ขณะเดียวกันยังเป็นประเทศที่มีการใช้บริการเสิร์ชของกูเกิลวันละถึง 55 ล้านครั้ง สูงที่สุดในอาเซียน

กูเกิลจะเดินหน้าต่ออย่างไร และเป้าหมายของกูเกิลในประเทศไทยคืออะไร "ประชาชาติธุรกิจ" มีคำตอบจาก "อริยะ พนมยงค์" แม่ทัพกูเกิลป้ายแดงมานำเสนอ

- โจทย์ของบริษัทแม่สำหรับเมืองไทย

โจทย์ แรกคือ การเปิดออฟฟิศและหาทีมงานเพื่อเข้ามาดูแลลูกค้าคนไทย ซึ่งปัจจุบันอยู่ในช่วงวางแผนการบุกตลาดเมืองไทยว่าเป็นอย่างไร ตอนนี้ออฟฟิศได้แล้ว อยู่ที่เซ็นทรัลเวิลด์ แต่เป็นออฟฟิศชั่วคราว เมื่อธุรกิจโตทีมงานเยอะขึ้นเราก็หวังว่าจะมีออฟฟิศสไตล์ กูเกิล

สำหรับ ช่วงแรกจะมีทีมงานประมาณ 20 คน แต่ขนาดไม่ใช่ปัจจัยหลัก เพราะเราเน้นความคล่องตัวมากกว่าความใหญ่ ทีมงานก็จะมีทีมการตลาด ทีมขาย และโอเปอเรชั่น สำหรับฝ่ายมาร์เก็ตติ้งในไทยมีมา 3-4 ปีแล้ว โดย มีคุณพรทิพย์ (กองชุน) ดูแลมาตลอด ซึ่งก็จะย้ายมาประจำการที่เมืองไทยด้วย แต่ที่จะต้องหาเข้ามาเสริมก็คือ ทีมขาย

- การเข้ามาตั้งออฟฟิศในไทยบอกอะไรได้บ้าง

กู เกิลเข้ามาทำตลาดจริงจังในไทย 3-4 ปีแล้ว พร้อมกับการเปิดออฟฟิศ ที่สิงคโปร์ในปี 2007 เป็นการส่งทีมบินเข้าออก จากนั้นก็เริ่มมีคอลเซ็นเตอร์ในไทย โดยเป็นพันธมิตรกับ กสทฯ เพื่อตอบคำถามเรื่อง adwords กับกลุ่มลูกค้าเป็นหลัก สำหรับการเปิดออฟฟิศในไทยก็เป็นการยืนยันถึงโอกาสการเติบโต รวมทั้งความมั่นใจและความตั้งใจที่จะบุกตลาด

หากดูในอาเซียนไม่นับ สิงคโปร์ เมื่อต้นปีที่ผ่านมากูเกิลเปิดออฟฟิศที่มาเลเซียและไทยเป็นลำดับถัดมา เพราะกูเกิลมองว่าเป็นสองประเทศที่มี โอกาสการเติบโตมากที่สุดในอาเซียน ทั้งในแง่ของจำนวนผู้ใช้อินเทอร์เน็ตไทย ซึ่งปัจจุบันอยู่ที่ประมาณ 25 ล้านคน นอกจากนี้ยังมีคนใช้โมบายอินเทอร์เน็ตเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ซึ่งในแง่ธุรกิจก็ไม่ควรมองข้าม เพราะ 2 ใน 3 ของคนใช้สมาร์ทโฟนเสิร์ชทุกวัน เพราะคนที่ต้องการข้อมูลต้องการทุกที่ ทุกเวลา ถ้าใครมองข้ามโมบายเสิร์ช แสดงว่ากำลังมองข้ามโอกาสของโลกออนไลน์

เสน่ห์ ของสื่อออนไลน์คือ วัดผลได้ เป็นสื่อเดียวที่มีรายงานให้ดูได้เลย เป็นจุดที่นักการตลาดควรจะเห็นประโยชน์ เพื่อให้รู้ถึงพฤติกรรมของคอนซูเมอร์ เช่น กูเกิล analytics หรือตอนข้อมูล ที่คนเสิร์ช เป็นการบอกว่า ผู้บริโภคกำลังสนใจอะไร หรือกำลังจะหาอะไรอยู่ และในไทยก็มีการเสิร์ชผ่านกูเกิล 55 ล้านครั้งต่อวัน เป็นจำนวนสูงสุด ในอาเซียน

- โอกาสทางธุรกิจของกูเกิลคืออะไร

บริการของกูเกิล ส่วนใหญ่จะฟรี ตัวที่สร้างรายได้ก็คือโฆษณา เป็นโฆษณาในรูปแบบ adwords เป็นการขายโฆษณาตาม "คำค้น" ที่คนเสิร์ช ซึ่งไม่ใช้ เฉพาะเสิร์ชในคอมพิวเตอร์ แต่รวมถึง บนมือถือด้วย เพราะจากสถิติพบว่า คนที่ใช้สมาร์ทโฟนเสิร์ชมากกว่าคนใช้คอมพิวเตอร์ 30-50 เท่าครั้งต่อวัน รวมทั้งโฆษณาดิสเพลย์ ซึ่งกูเกิล เป็นพันธมิตรเว็บไซต์ทั่วโลก ถ้าอยากโฆษณา ผ่านกูเกิลสามารถขึ้นโฆษณา ได้เลย

สำหรับโฆษณาไทยมีการใช้จ่าย ประมาณแสนล้านบาท แต่สื่อออนไลน์มีสัดส่วนประมาณ 1% น้อยมาก แต่ก็หมายความว่าโอกาสมหาศาล ประเทศอื่น เช่น อังกฤษ สัดส่วนของออนไลน์มีเดียอยู่ 40-50% ของงบโฆษณา สหรัฐ 30% และแนวโน้มของตลาดทั่วโลกก็ไปทางออนไลน์มีเดียมากขึ้นเรื่อย ๆ

สิ่ง ที่ขาดของประเทศไทยคือ การอธิบายให้ตลาดเข้าใจว่า จะเข้าไป ออนไลน์อย่างไร ทั้งธุรกิจ ผู้บริโภค เพื่อให้รู้ออนไลน์ทำอะไรได้บ้าง ในเชิงธุรกิจทุกคนเห็นโอกาสบนโลกออนไลน์ แต่จะจับโอกาสตรงนั้นอย่างไร เข้าถึงลูกค้า ตัวเองผ่านสื่อออนไลน์อย่างไร ตรงนี้เป็นหน้าที่หนึ่งของทีมงานกูเกิลในไทย คือไปให้ความรู้กับตลาด ว่าควรทำอย่างไร เพื่อให้ธุรกิจเข้าสู่ออนไลน์มากขึ้น เพราะนั่นก็จะเป็นโอกาสในการขายโฆษณาของกูเกิลด้วย

- ภารกิจหลักของตำแหน่งนี้

กู เกิลมี 4 ยุทธศาสตร์หลัก ซึ่งก็ถือว่าเป็นภารกิจของตัวเองในประเทศไทย คือ 1.ทำให้ผู้บริโภคเข้าถึงข้อมูล และได้ในสิ่งที่ต้องการ และต้องได้ภายในหน้าแรกของการเสิร์ช ตรงนี้เป็นจุดแข็งของกูเกิล 2.สร้างนวัตกรรม ไม่ใช่ทำแค่สื่อโฆษณา แต่ทำอย่างไรให้นวัตกรรมเหมาะสมกับพฤติกรรมคนไทย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องภาษา ประสบการณ์ใช้งาน โดยกูเกิลมีนโยบายว่าทุกสินค้าที่เปิดตัวจะต้องพร้อมใช้งาน 40 ภาษาทั่วโลก และภาษาไทยคือหนึ่งในนั้น เพราะเรานึกถึงผู้บริโภคเป็นหลัก

3.ส่ง เสริมการพัฒนาคอนเทนต์ภาษาไทยมากขึ้น จากสถิติข้อมูลทั่วโลกพบว่าข้อมูลเว็บไซต์ทั่วโลกมีข้อมูลภาษาไทยเพียง 1% เท่านั้น ขณะที่ประชากรไทยมีจำนวนมากเป็นอันดับ 20 ของโลก ถือว่าไม่สมดุลกัน ดังนั้นถ้าผู้ประกอบการธุรกิจต่าง ๆ เข้าใจว่า จำนวนผู้ใช้งานเน็ตเพิ่มขึ้น หมายถึงโอกาสทางธุรกิจที่สูงขึ้น ก็จะเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้คอนเทนต์ภาษาไทยเพิ่มขึ้น

และยุทธศาสตร์ ที่ 4 คือ ทำอย่างไรให้ธุรกิจไทยอยู่บนโลกออนไลน์มากขึ้น เช่นที่กูเกิลเปิดโครงการธุรกิจไทย Go online เพื่อสนับสนุนให้เอสเอ็มอีไทยที่มีจำนวนกว่า 3 ล้านบริษัท ให้ใช้โอกาสบนโลกออนไลน์ โดยที่กูเกิลกับพันธมิตรเข้าไปช่วยสนับสนุนในการทำเว็บไซต์ และสร้างตัวตนบนโลกออนไลน์

และไม่ใช่แค่ธุรกิจขนาดเล็ก แต่องค์กรขนาดใหญ่ก็รู้ว่าทุกคนต้องไปออนไลน์ แต่บางครั้งนึกไม่ออกว่าควรทำอย่างไร โดย 2 เดือนที่เปิดโครงการมีผู้สมัคร 2.5 หมื่นราย บอกถึงแนวโน้มว่าความต้องการของธุรกิจไทยที่ต้องการเข้าสู่โลกออนไลน์ และบอกว่าเรายังมีโอกาส

- แผนการขยายธุรกิจของกูเกิลในไทย

วิธี การเข้าถึงลูกค้าหลายรูปแบบ มีทั้งพาร์ตเนอร์เข้ามาช่วยดูกลุ่มเอสเอ็มอี ตอนนี้มีบริษัทเรดดี้เพลนเน็ต และกำลังจะมีรายอื่น ๆ เข้ามาด้วย เพราะตลาดไทยโอกาสเยอะมาก เราวิ่งหาลูกค้าทุกรายไม่ได้ ต้องใช้พันธมิตร หรือหากเป็นลูกค้ารายใหญ่ เราเข้าไปคุยกับลูกค้าโดยตรง แม้กระทั่งการจัดงาน Go online ก็เป็นวิธีการหนึ่งในการสร้างฐานลูกค้าจำนวนมาก เพราะเมื่อมีเว็บไซต์ มีตัวตนบนโลกออนไลน์ เมื่อต้องการขายสินค้าได้ ต้องการให้อยู่บนหน้าแรกของผลเสิร์ชก็ต้องใช้บริการโฆษณา adwords ของกูเกิล

- กูเกิลวางเป้าหมายในไทยอย่างไร

ตลาดและโอกาสของกูเกิลใน เมืองไทยเยอะมาก ก็ขึ้นอยู่กับว่าเราจะเริ่มต้นหรือโฟกัสตลาดไหน บริษัทแม่ไม่ได้สั่งอะไรมาพิเศษ เขาให้เราตั้งเป้าหมายเอง ซึ่งเราอยู่ในช่วงกำลังเตรียมแผนว่าจะเจาะตลาดอย่างไร บนพื้นฐาน 4 ยุทธศาสตร์

- คุณสมบัติอะไรที่กูเกิลเลือกมานั่งเก้าอี้นี้

อัน นี้คงตอบเองไม่ได้ แต่บอกได้ว่าคนที่มาร่วมงานกับกูเกิลนั้น กูเกิลไม่ได้ดูเรื่องความสามารถอย่างเดียว แต่มองว่าบุคลิก ทำงานร่วมกับคนอื่นได้หรือไม่ มีความเป็น Googley หรือไม่ เข้ากับองค์กรได้หรือไม่ เพราะที่กูเกิลเน้นการทำงานเป็นทีม

ความ เป็น "Googley" ที่สัมผัสพบว่าคนกูเกิลจะค่อนข้างเปิด คุยได้ทุกเรื่อง เปิดรับไอเดียใหม่ ๆ มีเรื่องอะไรช่วยกันคิด ช่วยให้ธุรกิจพัฒนาได้ ความเป็นกันเอง สบาย ๆ เข้าไปในองค์กรเหมือนออฟฟิศในบ้าน ทำงานแล้วสบายใจ เรื่องงานเอาจริง แต่การแต่งกายรีแล็กซ์ ไม่จำเป็นต้องใส่สูทเพื่อซีเรียส ความจริงใจในการทำงานอยู่ที่ความคิด ไม่ได้อยู่ที่การแต่งตัว

และ เมื่อเริ่มทำงานแม้ว่ากูเกิลเป็นองค์กรใหญ่ แต่เป็นองค์กรที่ Flat ไม่มีขั้นตอนมากมาย การทำงานในกูเกิลไม่มีคำว่า "สั่ง" กูเกิลเน้นการทำงานเป็นทีม สุดท้ายคือ Passion มีไฟ สนุกกับการทำงาน กูเกิลเป็นบริษัทติดระดับโลกที่คนอยากเข้าไปร่วมงานมากที่สุด ซึ่งระยะ 1เดือนครึ่งที่ได้ร่วมงาน ผมก็ไม่แปลกใจเลย