เป็นที่กล่าวขวัญถึงกันทั่วถ้วน หลังจากเป็นหนึ่งในทีมที่เดินตาม น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ รัฐมนตรีไอซีทีเข้ากระทรวงเมื่อ 16 ส.ค.

ทายาทโบนันซ่า เขาใหญ่ "สงกรานต์ เตชะณรงค์" อ้อมแอ้มบอกแต่เพียงว่า มาฝึกงานในวงการเมือง โดยถูกวางเก้าอี้ไว้ที่ "โฆษกกระทรวงไอซีที"

ไอซีทีเหมือนแผนที่ชีวิต
แม้ยังไม่ได้รับหนังสือ แต่งตั้งเป็นลายลักษณ์อักษร แต่น.อ.อนุดิษฐ์ บอกว่า นายสงกรานต์อยู่ในทีมงานแน่นอน จะเป็นตำแหน่งใดต้องรอการพิจารณาจากคณะกรรมการบริหารพรรคก่อน

สงกรานต์เล่าว่า ขณะนี้งานยุ่งมากเข้างาน 8 โมงเช้าไม่ต่ำกว่าเที่ยงคืนถึงได้กลับบ้าน ซึ่งเห็นการทำงานของรัฐมนตรีเป็นแบบอย่างที่ทำงานหนักมากกว่าหลายเท่า แต่ไม่เคยบ่นหรือแสดงท่าทีไม่ต้องการทำงาน จึงทำให้เขาคิดว่าการเข้ามาทำหน้าที่ตรงนี้ ต้องเสียสละเวลาส่วนตัว
สงกรานต์ เปรียบเทียบการเข้าถึงเทคโนโลยีสารสนเทศ หรือระบบไอซีทีเหมือนแผนที่ชีวิตทำงาน เพราะหากมีเครื่องมือเป็นเทคโนโลยีที่ทันสมัยก็เป็นส่วนสำคัญช่วยให้การทำ งาน หรือการดำเนินชีวิตง่ายขึ้น จากที่มีแผนที่คอยช่วยให้เดินทางถึงเป้าหมายรวดเร็ว ไม่หลงทาง ไม่เสียเวลา ซึ่งทุกวันนี้เทคโนโลยีเป็นส่วนหนึ่งในชีวิต และเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยยกระดับการแข่งขันของประเทศ


ส่วนหน้าที่ในตำแหน่งโฆษกไอซีที เขา บอกว่า ไม่ใช่เพียงสื่อสารกับนักข่าวเท่านั้น แต่ต้องสรุปข้อมูลที่มีอยู่ นำเสนอข้อมูลข่าวสารที่ถูกต้อง หรือสาระสำคัญที่ในประเด็นข่าวที่สังคมสนใจ ถ่ายทอดไปให้มวลชนได้รับรู้ เป็นตัวกลางสื่อสารระหว่างรัฐบาลกับประชาชน ทำให้มวลชนทราบว่า ตอนนี้งานของไอซีทีมีอะไรบ้าง จะเสร็จเมื่อไร โครงการนี้จะให้ประโยชน์ต่อประชาชนอย่างไรบ้าง ซึ่งล้วนเป็นงานท้าทายมาก
"ผม อยากให้เกิด 3จีแบบเต็มรูแปบบเร็วๆ เพราะอย่างที่เห็นทุกคนๆ ในมือมีไอโฟน แบล็คเบอร์รี่ แต่เรายังไม่ระบบที่ดีเพียงพอในการใช้งาน ซึ่งตรงนี้เอง ถือเป็นความเสียเปรียบ และหากมองในมุมการเมือง การที่ยังไม่มีบริการ 3จีก็จะเกิดปัญหาความขัดแย้งกันเหมือนอย่างที่เป็นอยู่ โดยแนวคิดของรัฐมนตรีทำให้มั่นใจว่าภายใต้การบริหารของท่านจะเกิด 3จีได้อย่างแน่นอน"


อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ยังไม่ได้วางตำแหน่งงาน เพราะรัฐมนตรีเพิ่งเรียกหน่วยงานในสังกัด และผู้บริหารกระทรวงมาวางแผนการดำเนินงานร่วมกัน เพื่อให้เป็นไปตามภารกิจ 5 ประการที่ได้แถลงต่อรัฐสภา โดยจะจัดลำดับความสำคัญจะเดินหน้าอะไรก่อนหลังให้เป็นไปตามนโยบายภาพรวมของ รัฐบาล ทั้งการเข้าถึงอินเทอร์เน็ตในพื้นที่ห่างไกล การให้บริการระบบ 3จีในประเทศ และการส่งเสริมด้านการพัฒนาซอฟต์แวร์ของประเทศ ซึ่งองค์ประกอบเหล่านี้ ล้วนจะทำให้ประเทศไทยเพิ่มศักยภาพได้มากขึ้น


การเมืองไม่ใช่งานอดิเรก
สงกรานต์พูดถึงการ ตัดสินใจเข้ามาแวดวงการเมืองว่า ในช่วงการหาเสียงของพรรคเพื่อไทยที่ผ่านมา พ่อของเขา (ไพวงศ์ เตชะณรงค์) ซึ่งเคยอยู่ในวงการสื่อสารมวลชน และชื่นชอบการเมืองมาก ดังนั้น ตั้งแต่เด็กจนโตบทสนทนาบนโต๊ะอาหารก็จะมีแต่เรื่องการเมือง ซึ่งตอนนั้น"ไม่อิน" เพราะการเมืองเป็นเรื่องไกลตัว แต่พอโตมาเรื่อยๆ จะสัมผัสได้เองว่า การเมืองอยู่ทุกส่วนของชีวิตจริง และไม่สามารถแยกออกได้เลย

ปลายปีที่แล้ว พ่อให้มาช่วยงานการเมือง ฝึกงาน เรียนรู้งานการเมือง เพราะเห็นว่าเขาเด็กมากกับสังคมนี้ โดยช่วงหาเสียงได้ทีมงาน หรือผู้ติดตามรัฐมนตรีสอนงานให้ทุกอย่าง ทั้งทักษะการทำงาน การพูดกับชาวบ้าน มวลชน สื่อ ทักษะการวางตัว ทำให้ได้ทราบว่างานนี้ยาก และท้าทายมาก แต่ตั้งใจจริงที่จะเข้ามาทำงาน เพื่อใช้ความรู้ความสามารถที่มีเป็นส่วนหนึ่งในการพัฒนาประเทศ แม้เป็นส่วนน้อยแต่ก็ยังภูมิใจที่ได้ทำ


"แม้ผมจะได้พ่อเป็นตัวอย่าง แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะบังคับผมได้ และพ่อก็ไม่เคยบังคับให้ผมทำอะไร เพราะจริงๆ แล้ว ผมก็อยากทำงานการเมืองอยู่แล้ว เพียงแต่ได้พ่อเป็นแรงผลักดัน และอนาคตหากมีผู้ใหญ่ให้ความเมตตา ผมก็ยินดีจะลงทำงานการเมืองอย่างเต็มที่ เพราะต้องการเป็นส่วนช่วยปฎิรูปยกระดับการบริหารงานในประเทศ"


เขา กล่าวว่า การบริหารงานการเมืองเป็นเรื่องระดับประเทศ เป็นงานใหญ่มาก แม้เขาเคยผ่านการบริหารธุรกิจระดับพันล้านบาท ที่อาณาจักร "โบนันซ่า" ธุรกิจโรมแรมที่เขาใหญ่ และอสังหาริมทรัพย์ ตำแหน่งซีอีโอต้องบริหารคนมากกว่า 300 คน แต่ก็เทียบไม่ได้กับการบริหารงานการเมือง ที่ยังถือว่าตัวเองด้อยประสบการณ์ ซึ่งต้องการให้เกิดการพัฒนา และหากได้เข้าทำงานตรงนี้จริงๆ ก็พร้อมทุ่มเททำหน้าที่อย่างดีที่สุด แต่ขณะนี้ขอค่อยๆ เดินทีละก้าว ทำงานทุกๆ วันที่ได้รับผิดชอบให้ดีที่สุด ด้วยหลักการทำงานที่หากตัดสินใจทำอะไรก็พร้อมทำเต็มที่


"ผมไม่เหมือนกับดารา เซเลบ ที่เข้ามาในสนามการเมืองเพราะเห็นเป็นเรื่องเล่นๆ ทำเป็นงานอดิเรก โดยอาศัยภาษีที่ประชาชนรู้จักตัวเองบ้างแล้ว เพื่อให้ได้เปรียบคู่แข่ง แต่แรงผลักดันที่ทำให้ผมอยากเข้ามาทำตรงนี้ เพราะอยากทำงานด้วยใจจริง ที่ต้องการให้พี่น้องในต่างจังหวัดกินดีอยู่ดีมากขึ้น"

พร้อมเปิดรับความรู้ใหม่
เขา กล่าวว่า การเข้ามาอยู่ในตำแหน่งว่าที่โฆษกไอซีทีเป็นการทำงานหนักและท้าทาย ยิ่งมาอยู่ตรงนี้โดยมีคนรู้จักมาแล้วทั้งอาจจะเป็นด้านการบันเทิง หรือการเป็นแฟนนางเอกช่อง 3 "แอฟ ทักษอร ภักดิ์สุขเจริญ" คนติดภาพเป็นดารา เป็นแฟนดารา หรือเป็นไฮโซเท่านั้น ดังนั้น ต้องยิ่งแสดงความรู้และความสามารถออกมามากขึ้นกว่าคนทั่วไปที่โลว์ โปรไฟล์มากเป็น 2 เท่า ซึ่งการเข้าทำงานที่กระทรวงไอซีทีถือเป็นก้าวแรก ที่ตั้งใจว่าจะทำให้เต็มที่ที่สุด


อย่างไรก็ดี ส่วนของปัญหาที่เกิดขึ้นในอุตสาหกรรม หรือกระทรวงไอซีที โดยเฉพาะเรื่องสัญญาสัมปทานโทรศัพท์มือถือ การเปิดบริการระบบ 3จี การแจกแทบเล็ตให้แก่เด็กนักเรียนป.1 จำนวน 8 แสนเครื่องนั้น เขา ยอมรับว่าความรู้ความเข้าใจเรื่องนี้ยังน้อยมาก แต่การได้อยู่ในห้องประชุม ได้ฟังผู้เชี่ยวชาญ ผู้บริหารกระทรวงระดับดอกเตอร์ ทำให้ทราบว่า ยังมีความรู้ใหม่ๆ ที่ต้องศึกษาไม่มีวันจบ โดยเฉพาะกับกระทรวงไอซีที ที่เป็นผู้กำกับการพัฒนาอุตสาหกรรมโทรคมนาคม ที่เทคโนโลยีเปลี่ยนแปลงไปตลอดเวลา


"ผมเคยเกเรมากจนที่บ้านต้องส่งไปเรียนที่นิวซีแลนด์ ผมเลือกเรียนวิชาด้านการเงิน เพราะคิดว่ามันจะช่วยให้เรากลับมาบริหารธุรกิจของที่บ้านได้ ทั้งๆ ที่ตัวเองไม่ชอบเรียนเลข แต่ก็ฝืนเรียนจบปริญญาตรีมาในเวลา 3 ปีครึ่งที่มหาวิทยาลัย Waikato ซึ่งก็เป็นการเปิดโลกใหม่ของผม แต่พอได้มาช่วยงานด้านการเมืองก็ถือเป็นการเปิดโลกความรู้ของผมใหม่อีก ครั้ง"