ดีลกูเกิล-โมโตโรล่าสะเทือนตลาดผู้ผลิตมือถือเอเชีย หลังหลายฝ่ายกังวลยักษ์ใหญ่อินเทอร์เน็ตอาจผูกขาดแอนดรอยด์

หนังสือพิมพ์วอลล์สตรีท เจอร์นัลรายงานว่า แผนการควบรวมกิจการบริษัทโมโตโรล่า โมบิลิตี้ โฮลดิ้งส์ อิงค์ของกูเกิล มูลค่า 12.5 พันล้านดอลลาร์ ได้สร้างความแข็งแกร่งให้กับตลาดแอนดรอยด์มากกว่าเดิมจากพันธมิตรผู้ผลิตมือ ถือในเอเชียหลายราย นอกเหนือจากการซื้อกิจการของโมโตโรล่า กลายเป็นผู้ผลิตสมาร์ทโฟนรายใหญ่ที่สุดที่ใช้ระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ไม่ว่า จะเป็นเอชทีซี, ซัมซุง, แอลจี และหัวเหว่ย

ผลสำรวจจากบริษัทวิจัยไอดีซีระบุว่า "เอชทีซี" จากไต้หวันที่เคยเป็นเพียงผู้ผลิตมือถือที่ไม่เป็นที่รู้จักในตลาดมากนัก แต่เพียงไม่กี่ปีที่ผ่านมากลับกลายเป็นหนึ่งในผู้ผลิตสมาร์ทโฟนที่ได้รับการ ยอมรับมากที่สุดรายหนึ่งหลังจากเปิดตัวแอนดรอยด์ โฟนที่ได้รับความนิยม เช่น เอชทีซี อีโว และธันเดอร์บอลต์ กระทั่งในไตรมาส 2 ที่ผ่านมาเอชทีซีสามารถครองส่วนแบ่งยอดขายในตลาดสมาร์ทโฟนทั่วโลกได้ถึง 11% จากเดิม 6.8%

ขณะที่ผู้ผลิตมือถือจากเกาหลีทั้ง "ซัมซุง" และ แอลจี" รวมถึง "โซนี่ อีริคสัน" ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนระหว่างญี่ปุ่น-สวีเดน ก็ยังตัดสินใจทุ่มเทให้กับการทำตลาดมือถือที่ทำงานด้วยโอเอสแอนดรอยด์

รวมถึง "หัวเหว่ย" และ "แซดทีอี" ผู้ผลิตมือถือสัญชาติจีนที่เพิ่งเริ่มรุกตลาดดังกล่าวอย่างจริงจัง พร้อมกับทำตลาดสมาร์ทโฟนที่มีราคาต่ำกว่าเครื่องละ 200 ดอลลาร์ (ราว 6,000 บาท)

อย่างไรก็ตามกูเกิลได้พยายามที่จะลดความกังวลที่ว่าแผนการซื้อกิจการของโมโตโรล่าจะกระทบต่อผู้ผลิตมือถือในเอเชียเหล่านี้ โดยนายแลร์รี่ เพจ ซีอีโอของกูเกิลได้ เผยผ่านบล็อกของบริษัทอย่างเป็นทางการว่า ดีลดังกล่าวจะไม่สร้างความเปลี่ยนแปลงเป้าหมายของบริษัทที่ให้โอเอสแอ นดรอยด์สามารถทำงานได้แบบระบบเปิด โดยไม่ขึ้นอยู่กับเครื่องของยี่ห้อใดยี่หนึ่งเท่านั้น พร้อมกับระบุว่า กูเกิลจะบริหารโมโตโรล่าโดยแยกออกเป็นอีกธุรกิจหนึ่ง

"พาร์ทเนอร์ในกลุ่มฮาร์ดแวร์ของกูเกิลเป็น ส่วนที่ทำให้แอนดรอยด์ประสบความสำเร็จ และเราก็จะยังคงทำงานร่วมกับพันธมิตรเหล่านี้ เพื่อนำเสนอประสบการณ์ที่โดดเด่นให้กับยูสเซอร์ต่อไป" นายเพจกล่าว