ตลาดออนไลน์แข่งดุ ไทย-เทศแห่พาเหรดชิงเค้ก "สนุกดอตคอม" ยกเครื่องธุรกิจ หลัง "เทนเซนต์" ยักษ์ออนไลน์จีนเข้าถือหุ้นใหญ่ สร้าง แพลตฟอร์มใหม่เชื่อมเครือข่ายสังคมต่าง ๆ เปิดตัว "โซเชียลเกม-โมบาย บราวเซอร์" เพื่อรักษาฐานลูกค้ากว่า 7 ล้านราย พร้อมแผนลุยอีคอมเมิร์ซรอบใหม่ "Shopping. co.th" ยันสัมพันธ์ "อีเบย์" เหมือนเดิม เผยรายได้หลัก 60-70% ยังมาจากโฆษณา


นายต่อบุญ พ่วงมหา ประธาน เจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สนุกออนไลน์ จำกัด กล่าวกับ "ประชาชาติธุรกิจ" ว่า ภาพรวมธุรกิจออนไลน์ในไทยมีการแข่งขันสูงมาก เพราะเมืองไทยเป็นตลาดที่มีศักยภาพและโอกาสการเติบโตสูง ทำให้ขณะนี้มีผู้ให้บริการเว็บไซต์จากทั้งในและต่างประเทศเข้ามาบุกตลาดใน ไทยมากขึ้น รวมถึงการขยายบทบาทของ โซเชียลเน็ตเวิร์กต่าง ๆ จากปัจจุบันที่มีผู้ใช้งานอินเทอร์เน็ตในไทยประมาณ 24-25 ล้านราย คิดเป็นอัตราการเติบโตปีละ 20-25% และมีผู้ใช้อินเทอร์เน็ต บรอดแบนด์เกือบ 3 ล้านราย และมี แนวโน้มการขยายตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากค่าบริการที่ถูกลง และอุปกรณ์เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตที่มีราคา ลดลง โดยเฉพาะสมาร์ทโฟน ราคาเริ่มต้นที่ 3-4 พันบาท สามารถใช้เข้าถึง อินเทอร์เน็ตได้ ทำให้การใช้โมบาย อินเทอร์เน็ตขยายตัวรวดเร็วขึ้น

อย่าง ไรก็ตาม สภาพการแข่งขันที่รุนแรงถือว่าเป็นเรื่องที่ดีของอุตสาห กรรม เพราะการแข่งขันทำให้เกิดการพัฒนาเพื่อรักษาลูกค้าไว้ รวมถึงเว็บ พอร์ทัลหรือเว็บท่าอย่างสนุกดอตคอม ก็ต้องมีการปรับตัวเพื่อรองรับกับการ แข่งขันและพฤติกรรมของผู้บริโภคบนโลกออนไลน์ที่เปลี่ยนไป ไม่ใช่แค่การเสพคอนเทนต์ต่าง ๆ อย่างเดียว เช่น ต้องการแสดงความคิดเห็นมากขึ้น การแชร์ผ่านเครือข่ายสังคม ทำให้เว็บท่าต้องปรับตัว

นายต่อบุญกล่าวว่า จากการที่บริษัทเทนเซนต์ โฮลดิ้ง ผู้ให้บริการออนไลน์รายใหญ่ของจีนที่เข้ามาถือหุ้นในสนุกออนไลน์ 49% ตั้งแต่กันยายน 2553 ทำให้สนุกได้รับประโยชน์จากการใช้ความรู้ด้านเทคโนโลยีที่เทนเซนต์พัฒนา เพื่อมาประยุกต์ใช้ในไทย เพราะเทนเซนต์เป็นยักษ์ใหญ่ที่มีความพร้อมทั้งด้านเงินทุนและบุคลากรทำให้ รองรับการปรับตัวของสนุกได้อย่างรวดเร็ว

ที่ผ่านมาสนุกดอตคอมได้ เตรียมความพร้อมเพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของผู้บริโภค เช่น การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานในการสร้างแพลตฟอร์มกลาง เพื่อที่จะให้ผู้ใช้โปรแกรม Instant Messaging หรือ QQIM ของสนุก จะสามารถใช้งานโปรแกรมแชตของแพลตฟอร์มอื่น ๆ ได้ไปพร้อมกัน อาทิ Gtalk, เฟซบุ๊ก และ MSN เพื่อความสะดวกให้กับผู้ใช้งานของสนุกที่มีกว่า 1 ล้านคน

"เมื่อ เราไม่สามารถที่จะสู้กับกระแสของเฟซบุ๊กได้ ก็ต้องทำให้บริการของเรารองรับการใช้งานกับเฟซบุ๊กและโซเชียลเน็ตเวิร์กอื่น ๆ ด้วย เพราะจากข้อมูลพบว่า ผู้ใช้อินเทอร์เน็ตโดยเฉลี่ยจะใช้เวลาถึง 1 ใน 3 เพื่อการสื่อสารหรือแชต" นายต่อบุญกล่าวและว่า

และเพื่อตอบสนอง พฤติกรรมลูกค้าในโลกออนไลน์ที่ยังคงชื่นชอบคอนเทนต์ด้านความบันเทิง บริษัทได้เตรียมเปิดบริการ "โซเชียลมีเดียเกมส์" จำนวน 6 เกม ประกอบด้วย เกมที่สนุกเป็นผู้พัฒนาเอง และการซื้อไลเซนส์จากต่างประเทศ จุดเด่นคือการเล่นเกมบนโซเชียลแพลตฟอร์มที่ผู้เล่นสามารถเล่นเกมไปพร้อมกับ แชต หรืออัพโหลดภาพต่างได้ ๆ และในระยะยาวอาจมีการจำหน่ายไอเท็มพิเศษเพื่อเป็นรายได้เสริมด้วย ซึ่งบริษัทเตรียมจะเปิดให้บริการอย่างเป็นทางการในวันที่ 18 ส.ค.นี้

พร้อม เตรียมส่งโมบายบราวเซอร์เพื่อตอบสนองการใช้โมบายอินเทอร์เน็ตให้เข้าถึงเว็บ ไซต์ต่าง ๆ ได้สะดวกและรวดเร็วยิ่งขึ้น รวมถึงแผนการพัฒนาคอนเทนต์และบริการต่าง ๆ ให้รองรับการใช้งานบนทุกอุปกรณ์เครื่องลูกข่ายคือทั้งคอมพิวเตอร์ สมาร์ทโฟน รวมถึงทีวีในอนาคต

สำหรับบริการ "อีคอมเมิร์ซ" ของบริษัทผ่านเว็บไซต์ Shopping.co.th ซึ่งเป็นการโคแบรนด์กับทางอีเบย์ เนื่องจากที่ผ่านมาพฤติกรรมลูกค้ายังไม่ค่อยมีความเชื่อมั่นในการทำทรานแซ็ก ชั่นซื้อขายบนอินเทอร์เน็ต จึงทำให้เป็นอุปสรรคในการพัฒนาธุรกิจอีคอมเมิร์ซ อย่างไรก็ตามขณะนี้ตลาดและลูกค้ามีความพร้อมมากขึ้น จึงมีแผนที่จะเข้ามาผลักดันการทำตลาดมากขึ้น ทั้งการเพิ่มจำนวนผู้ค้า การเพิ่มสินค้าดี ราคาถูก และตรงความต้องการของผู้บริโภค และการสร้างความมั่นใจในการจ่ายเงินให้กับลูกค้า โดยที่บริษัทยังเป็นพาร์ตเนอร์กับอีเบย์เช่นเดิม

นายต่อบุญกล่าวว่า ในปีนี้บริษัทมีรายได้เติบโตประมาณ 20-30% โดยสัดส่วนรายได้หลัก 60-70% มาจากโฆษณา และอีกประมาณ 30% มาจากการให้บริการผ่านมือถือ เช่น ริงโทน ดูดวง เป็นต้น

ทั้งนี้จากข้อมูลของกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ งบการเงินของบริษัท สนุกออนไลน์ จำกัด ในปีนี้รายได้อยู่ที่ 178.2 ล้านบาท

นาย ต่อบุญกล่าวเสริมว่า สำหรับภาพรวมตลาดโฆษณาออนไลน์ปี 2554 มีสัดส่วนประมาณ 1-2% ของตลาดรวมโฆษณาทั้งหมด มูลค่า 9 หมื่นล้านบาท ด้วยอัตราการเติบโตประมาณ 10-20%

ทั้งนี้ปัจจุบันเว็บไซต์สนุกดอต คอมมียอดผู้ชมประมาณ 2-3 ล้านรายต่อวัน คิดเป็น UIP ประมาณ 8 แสนรายต่อวัน และมีผู้ลงทะเบียนเป็นสมาชิก 7 ล้านคน แอ็กทีฟประมาณ 1.5 ล้านคน