“เพราะเราคือผู้สร้างจุดเปลี่ยน เป็นผู้ทำให้โลกของโมบายมีพลังขึ้นมา” หนึ่งในวลีเด็ดของเขา ถึงพันธกิจและบทบาทต่อวงการโมบาย

“เพราะเราคือผู้สร้างจุดเปลี่ยน เป็นผู้ทำให้โลกของโมบายมีพลังขึ้นมา”

หนึ่งในวลีเด็ดของ “แดเนียล อลีกรี” บอสใหญ่แห่งกูเกิล ผู้คุมตลาดญี่ปุ่น และเอเชียแปซิฟิก เปิดใจกับ “กรุงเทพไอที” ถึงพันธกิจและบทบาทต่อวงการโมบาย (Mobile) ที่อดทนพยายามสร้างขึ้นมา กระทั่งถึงวันนี้ วันที่รอคอย...

เอเชียโตเร็ว-เปลี่ยนเร็ว

“แดเนียล อลีกรี” ประธานฝ่ายปฏิบัติการ กูเกิล ประจำภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก และประเทศญี่ปุ่น วิเคราะห์ว่า ประเทศแถบเอเชียแปซิฟิกเป็นหนึ่งในกลุ่มผู้นำทางเศรษฐกิจโลก จาก 11 ประเทศ มีถึง 4 ประเทศ คือ ออสเตรเลีย ฮ่องกง สิงคโปร์ และจีน ที่สัดส่วนการใช้งานสมาร์ทโฟนมีมากกว่าในสหรัฐ รวมทั้งมีแนวโน้มว่าในตลาดรวมมือถือ และดีไวซ์อื่นๆ จะเพิ่มมากขึ้น

เขาประเมินว่า ตลาดเกิดใหม่เช่นประเทศไทยและประเทศอื่นๆ ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มีอัตราการเติบโตก้าวกระโดดมาก และการเติบโตนี้นำมาซึ่งจำนวนผู้คนหน้าใหม่ ที่จะเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในโลกออนไลน์หลักหลายล้านคน ปัจจัยนี้ทำให้แผนงานของบริษัทในระยะยาวต้องการสร้างความมั่นใจว่าอินเทอร์ เน็ตได้ตอบโจทย์คนทุกกลุ่มได้เท่าเทียมกันทั่วโลก

ขณะเดียวกัน หลายปีที่ผ่านมาส่วนของภาคธุรกิจ เติบโตอย่างมีนัยสำคัญ ท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงต่างๆ ที่มีอยู่ตลอดเวลา และมากมายเสียจนต้องทบทวนซ้ำแล้วซ้ำเล่าให้แน่ใจว่า สิ่งที่ได้พบนั้นเป็นความจริงใช่หรือไม่ เหตุเพราะ สภาวะที่เกิดขึ้นไม่ต่างกับเวลาที่บริษัทเริ่มทำธุรกิจใหม่ๆ เลย

“องค์ประกอบสำคัญที่เราอยู่มาได้คือ พาร์ทเนอร์ที่ดี เช่น ซัมซุง เอชทีซี เคดีดีไอ และแบรนด์อื่นๆ ที่ช่วยขับเคลื่อนตลาดไปข้างหน้าด้วยกัน เราเองกำลังพัฒนาตัวเองเพื่อวางเดิมพันครั้งใหญ่ สำหรับการก้าวไปข้างหน้าในฐานะบริษัทนวัตกรรมชั้นนำในเอเชียแปซิฟิก ที่มีบริการพร้อมสรรพทั้ง โมบายคอมเมิร์ซ โมบายวีดิโอ การผลิตบุคลากรป้อนอุตฯ และบริการอื่นๆ ในอนาคตที่ใครล่ะจะคาดเดาได้หมด”

แม้ว่า กูเกิลจะมีบริการที่ยอดเยี่ยม ทว่ายังขาดการทำให้สินค้าเหมาะกับการใช้งานในทุกประเทศ แค่คอนเซปต์ที่ว่ากูเกิลคือ บริษัทของอเมริกัน บริหารสไตล์อเมริกัน และส่งมอบคุณค่าของผลงานที่มีไปทั่วโลกไม่สามารถตอบโจทย์ได้ ฉะนั้นจึงพยายามดึงวัฒนธรรม และความเป็นท้องถิ่นของแต่ละประเทศออกมาศึกษาพฤติกรรมผู้บริโภคที่โต้ตอบมา ยังบริษัท

อยู่กับความเป็นจริง

เมื่อถูกถามถึงความท้าทายและวิธีการต่อกรกับคู่แข่ง ผู้บริหารกูเกิล มีความเชื่อที่ว่า การแข่งขันจะก่อให้เกิดประโยชน์ต่อผู้ใช้ ในเอเชียแปซิฟิก กลยุทธ์การนำผลิตภัณฑ์เข้าตลาด และแผนการทำตลาด สิ่งสำคัญที่ต้องยึดมั่นเสมอคือ การเริ่มต้นจากพื้นฐานที่แท้จริง เมื่อโฟกัสไปยังผู้ใช้งานเป็นหลักแล้ว สิ่งอื่นๆ ก็จะตามมาเอง

นอกจากนี้ ในทิศทางการดำเนินการของบริษัท ต้องการที่จะสร้างให้เกิดการทำงานที่ข้ามแพลตฟอร์มได้ ในเบื้องต้นวิธีการที่เลือกใช้คือเตรียมบริการที่ดีที่สุดเท่าที่จะเป็นได้ ไว้ ในมุมมองที่ว่า สิ่งที่ทำมีไว้เพื่อให้บริการลูกค้า มากกว่าเป้าหมายของตัวเอง และความคิดนี้จะไม่มีวันเปลี่ยนไป

"อลีกรี" บอกด้วยว่า บิซิเนสโมเดลของกูเกิลใน เอเชียและทั่วโลกใช้เหมือนกัน คือ โฟกัสที่การนำเสนอพันธกิจของบริษัทต่อผู้ใช้งาน ลูกค้า และคู่ค้า ในประเด็นที่ว่า ต้องการจัดระบบและรวบรวมข้อมูลจากทั่วโลก เพื่อเพิ่มการเข้าถึง และก่อให้เกิดประโยชน์ต่อทุกคน

แต่ทั้งนี้ โอกาสการเติบโตอย่างมหาศาลที่สังเกตได้ชัดที่สุด คือ ส่วนของโมบาย ทั้งการใช้งานเสิร์ชเอ็นจิน โฆษณา และโอเอสแอนดรอยด์ ขณะเดียวกันการสร้างรายได้ สามารถทำได้จากโฆษณาจากการเสิร์ช โฆษณาแบบดิสเพลย์ โดยในเอเชียมีศักยภาพการเติบโตอย่างมากทั้งสองพื้นที่ ซึ่งคาดว่า แม้ในตลาดที่มีประชากรเน็ตต่ำกว่าที่อื่นๆ ก็จะได้เห็นความเปลี่ยนแปลงและการเติบโตที่น่าแปลกใจ


เริ่มมองจากความต่าง

บอสใหญ่กูเกิลประจำ เอเชียแปซิฟิก เล่าว่า การตัดสินใจเรื่องต่างๆ มักมาจากการวิจัยตลาดก่อนเสมอ ข้อมูลที่ได้มาเป็นส่วนประกอบสำคัญ และเป็นพื้นฐานที่ช่วยให้เข้าใจถึงสภาวะตลาด การแข่งขัน และการเข้าถึงอินเทอร์เน็ตของแต่ละภูมิภาคดีขึ้น ซึ่งแน่นอนว่า มีความแตกต่างไปจากชาติแถบตะวันตก

เขากล่าวว่า ในเอเชียต้องการขบให้แตกว่า ผู้บริโภคมีพฤติกรรมอย่างไรกับการใช้งานเสิร์ชเอ็นจิน การใช้แผนที่ เทคโนโลยีระบุตำแหน่งบนมือถือ และมองให้ออกว่าควรใช้วิธีการอย่างไรที่เหมาะสมสำหรับการนำเสนอโฆษณา ความเชื่อถือที่ได้รับกลับคืนมาจะเป็นแรงผลักดันอันล้ำค่า และทำให้ได้เรียนรู้ว่าผลิตภัณฑ์ที่สร้างขึ้นมอบความต่างให้ผู้บริโภคอย่าง ไรบ้าง ทั้งเป็นส่วนสำคัญที่จะกำหนดทิศทางในอนาคตว่าควรจะมุ่งหน้าไปทางใดต่อ

“หนึ่งในตลาดเกิดใหม่เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เรามองเห็นโอกาสสำคัญของการเติบโตในประเทศไทย เราเองวางแผนไว้ว่าจะใช้งบลงทุนอีกจำนวนมาก และหวังว่าจะได้เห็นการเติบโตของธุรกิจพร้อมๆ กับการเติบโตของประเทศภายในปี 2554 นี้”

ผู้เปลี่ยนเกมตลาด

เขาเผยว่า แม้แต่วิสัยทัศน์ระดับโลก ก็ไม่อาจแบ่งแยกได้ว่าระหว่างสมาร์ทโฟน และแทบเล็ต กูเกิลจะ ทุ่มเทให้ตลาดไหนมากกว่ากัน เพราะความปรารถนา ที่จะเรียนรู้ และความรู้ที่ถูกส่งออกมาจากปลายนิ้วสัมผัส แทบไม่มีช่องว่างที่ห่างจากกันอย่างสมบูรณ์ แต่ถ้าถามว่ากลยุทธ์เกี่ยวกับโมบายของกูเกิลคืออะไร บริษัทมีความชัดเจนว่าต้องการส่งมอบประสบการณ์ที่ง่าย และมีประสิทธิภาพมากพอที่จะช่วยให้ผู้บริโภคหยิบมาใช้ได้ทุกที่ ทุกเวลา

ทั้งนี้ กูเกิลยัง มีงานอีกมากที่ต้องขับเคลื่อนไปให้ได้ เพื่อเชื่อมโยงทุกดีไวซ์ให้ใช้งานร่วมกันได้ ไม่ใช่แค่แทบเล็ตกับโทรศัพท์ หรือโทรศัพท์กับเครื่องพีซี แต่เป็นทุกอย่างที่จะผสานเข้าหากันและก่อให้เกิดประโยชน์ต่อการใช้ชีวิต ประจำวัน

อลีกรีบอกว่า ไม่อาจตอบทุกคำถามได้ทั้งหมด ขณะที่หลายคนอาจยังมีเรื่องคาใจ และสงสัยว่า กูเกิลจะ มีอะไรมาเซอร์ไพรส์ต่อ จะทุ่มเงินลงทุนอีกมากแค่ไหน แต่ด้วยนโยบายคงต้องขอปฏิเสธที่จะตอบ ที่บอกได้ก็คือ ไม่ว่าอนาคตจะเป็นอย่างไร ขณะนี้การรอคอยให้เกิด “ปีแห่งโมบาย” ที่เขามีส่วนร่วมสร้างมากว่า 8 ปีได้มาถึงที่หมายแล้ว ในฐานะของผู้นำแถวหน้าที่ทำให้เกมของตลาดถึงจุดเปลี่ยนไปได้

“เวลานี้วิชั่นด้านโมบายของ บริษัท ที่ต้องการเปลี่ยนวิถีการใช้งานดาต้าของผู้คนกลายเป็นจริงแล้ว ทั้งความสะดวกสบาย การสนองตอบที่ตรงความต้องการ การพัฒนาแอพพลิเคชั่นที่ทำได้โดยใช้แพลตฟอร์มเดียว คุณค่าที่ผู้บริโภคเล็งเห็น ทำให้ผมรู้สึกว่ามีความสุขกับการอยู่ในจุดนี้ และมีความสุขที่ได้มีส่วนร่วมกับบริษัททำให้โลกของโมบายมีพลังขึ้นมาบนฝ่ามือของพวกคุณ”