User Online ( 1 ) 
 ระบบสมาชิก  ตั้งเป็นหน้าแรก  แจ้งโอนเงิน
 ตะกร้าสินค้า ( 0 Item ) 
Home » ข่าว » โซนี่เตรียมปรับโฉมธุรกิจทีวี
 
 ค้นหาสินค้า
 ตู้ Close Rack (31)
 ตู้ Wall Rack (9)
 ตู้ Open Rack (5)
 ตู้ Rack Accessories (39)
 สายLAN(UTP) สายแลน (183)
 เครื่อง Server (35)
 เครื่องสำรองไฟ UPS (62)
 
 สมัครสมาชิกจดหมายข่าว
สมัครรับจดหมายข่าว รับข้อเสนอพิเศษ จากร้านค้า
 ข่าว

โซนี่เตรียมปรับโฉมธุรกิจทีวี

โซนี่ คอร์ป ซึ่งเผชิญกับการขาดทุนจากธุรกิจโทรทัศน์มาเป็นระยะเวลา 8 ปี กำลังเตรียมการยกเครื่องธุรกิจดังกล่าวเพื่อลดต้นทุนและเพิ่มขีดความสามารถ ในการแข่งขันกับคู่แข่งจากเกาหลีใต้

มามิ อิมาดะ โฆษกของโซนี่ กล่าวว่าแผนการปรับปรุงธุรกิจโทรทัศน์ของบริษัทอาจจะประกอบไปด้วยการจับมือ กับหุ้นส่วนทางธุรกิจ รวมถึงการจัดการกระบวนการต่างๆ ใหม่ อาทิ การจัดซื้อ การพัฒนาผลิตภัณฑ์ และการขาย โดยมีความเป็นไปได้ที่จะมีการตัดสินใจในรายละเอียดของการเปลี่ยนแปลงในเดือน สิงหาคมนี้

สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า ฮาเวิร์ด สตริงเกอร์ ประธานบริษัทโซนี่ฯ อาจจะหันมาให้ความสำคัญกับการลดค่าใช้จ่าย หลังจากโทรทัศน์ระบบ 3 มิติและโทรทัศน์ที่เชื่อมต่อกับอินเตอร์เน็ตได้ไม่สามารถกระตุ้นส่วนแบ่ง ตลาดของโซนี่เมื่อเทียบกับซัมซุงและแอลจี เมื่อสัปดาห์ก่อนโซนี่เปลี่ยนตัวผู้บริหารของธุรกิจโทรทัศน์ และกล่าวว่าจะทำยอดขายไม่ได้ตามเป้าหมาย

โซนี่ที่เผชิญกับการขาดทุนทั้งบริษัทมาเป็นเวลา 3 ปีติดต่อกัน ประกาศปรับลดประมาณการยอดขายและกำไรลง โดยอ้างเหตุผลของยอดขายโทรทัศน์ในตลาดสหรัฐอเมริกาและยุโรปที่ชะลอตัว โซนี่ลดเป้าหมายยอดขายโทรทัศน์ตลอดทั้งปีลง 19% เป็น 22 ล้านเครื่อง และคาดหมายว่าธุรกิจโทรทัศน์ในปีงบประมาณที่จะสิ้นสุดในเดือนมีนาคม 2555 จะขาดทุนมากถึง 7.5 หมื่นล้านเยน

พร้อมกันนี้ โซนี่ยังได้โยกนายโยชิฮิสะ อิชิดะ ประธานธุรกิจโฮมเอนเตอร์เทนเมนต์ ซึ่งดูแลการผลิตโทรทัศน์ ไปเป็นรองประธานเจ้าหน้าที่บริหารของโซนี่ อีริคสัน โมบาย คอมมิวนิเคชันส์ และแต่งตั้งนายมาซาชิ อิมามูระ ผู้บริหารธุรกิจกล้องดิจิตอลมาดูแลธุรกิจโทรทัศน์แทน

ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา โซนี่ขายโรงงาน 3 แห่งในสโลวะเกีย อเมริกาเหนือ และสเปน เพื่อลดค่าใช้จ่าย ทำให้เวลานี้โซนี่เหลือโรงงานผลิตโทรทัศน์ทั่วโลกเพียง 4 แห่งเท่านั้น "โซนี่จำเป็นต้องปรับโครงสร้างธุรกิจทีวีให้ลึกลงกว่านี้ การขายโรงงานเป็นเพียงก้าวแรกเท่านั้น" โคตะ เอซาวะ นักวิเคราะห์จากซิตี้กรุ๊ป อิงค์ กล่าว

จากบริษัทที่ครั้งหนึ่งเคยมีมูลค่ากว่า 1 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐฯ โซนี่สูญเสียมูลค่าทางการตลาดลงครึ่งหนึ่งนับตั้งแต่สตริงเกอร์ก้าวเข้ามา เป็นประธานเจ้าหน้าที่บริหารชาวต่างชาติคนแรกของบริษัทในปี 2548 ปัจจุบันโซนี่มีมูลค่าประมาณ 2.5 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ น้อยกว่า 1 ใน 4 ของขนาดของซัมซุง นอกจากนี้มูลค่าแบรนด์ของโซนี่ยังถูกซัมซุงนำหน้าอยู่ถึง 15 อันดับจากการสำรวจของอินเตอร์แบรนด์ครั้งล่าสุด

ปีที่ผ่านมาธุรกิจโทรทัศน์ของโซนี่ทำเงินให้กับบริษัทได้ 1.2 ล้านล้านเยน หรือ 1.55 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ นับเป็นแหล่งรายได้ที่ใหญ่ที่สุดของโซนี่ แต่ข้อมูลจากดิสเพลย์เสิร์ช ระบุว่า โซนี่มีส่วนแบ่งในตลาดโทรทัศน์ทั่วโลก 12.4% ตามหลังผู้ผลิตจากเกาหลีใต้ทั้ง 2 ค่าย คือ ซัมซุง และแอลจี อิเล็คทรอนิคส์ และส่วนแบ่งตลาดของโซนี่ในไตรมาสแรกของปี 2554 ลดลงไปเหลือ 11.4%

ค่าเงินเยนที่แข็งขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐฯ ยังเป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ส่งผลกระทบต่อการขาดทุนของโซนี่ เพราะทำให้ผลิตภัณฑ์ที่ส่งออกไปยังต่างประเทศมีความสามารถในการแข่งขันลดลง อีกทั้งยอดขายที่อยู่ในรูปของเงินสกุลต่างชาตินำมาเปลี่ยนเป็นเงินเยนได้ มูลค่าลดลง

สตริงเกอร์พยายามนำพาบริษัทให้กลับมาทำกำไรได้อีกครั้งด้วยการลดพนักงาน ไปแล้ว 30,000 ตำแหน่ง ขายโรงงาน และย้ายฐานการผลิตไปยังต่างประเทศ คิเอตะ วากาบายาชิ นักวิเคราะห์จากมิโตะ ซีเคียวริตีส์ ให้ความเห็นว่าแผนการปรับโครงสร้างธุรกิจโทรทัศน์ของโซนี่น่าจะสร้างความ ประหลาดใจให้กับนักลงทุนได้ แต่ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายนักที่โซนี่จะคิดทำสิ่งแปลกใหม่หลังจากพยายามลดค่าใช้ จ่ายลงมากขนาดนี้
Copyright RackServerOnline.com 2010 - 2025. All rights Reserved.