"ทีซีซี เทคโนโลยี" จับมือ "อินเทล" รุกหนักตลาดดาต้าเซ็นเตอร์บนเทคโนโลยีคลาวด์ คอมพิวติ้ง ชูกลยุทธ์ระบบ “โอเพ่น สแตนดาร์ด” ช่วยลดต้นทุน 40%

นาย โฆษิต สุขสิงห์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ทีซีซี เทคโนโลยี จำกัด กล่าวว่า หลังจากผลักดันการให้บริการดาต้าเซ็นเตอร์บนเทคโนโลยีคลาวด์ คอมพิวติ้ง ด้วยแพลตฟอร์มระบบเปิด (โอเพ่น แสตนดาร์ด) เป็นคลาวด์ เซอร์วิส โพรไวเดอร์ ด้วยเทคโนโลยีของอินเทลแล้ว บริษัทเดินหน้าสานต่อกลยุทธ์นี้ด้านซอฟต์แวร์อย่างต่อเนื่อง ร่วมกับเรดแฮทซึ่งมีระบบซอฟต์แวร์เฉพาะทางที่น่าเชื่อถือทั้งการใช้งาน และระบบรักษาความปลอดภัย คาดว่าจะทำให้องค์กรต่างๆ ประหยัดงบเงินลงทุน 40% ช่วยลดค่าดำเนินการไม่น้อยกว่า 25%

“บริษัทไม่ได้ทำธุรกิจโทรคมนาคมแต่สามารถเชื่อมต่อกับโอเปอเรเตอร์ได้ ทั้งในประเทศและต่างประเทศ ด้วยระบบดังกล่าวเชื่อว่าเป็นเทคโนโลยีที่ดีที่สุดในตลาดขณะนี้ ทั้งยังช่วยปิดช่องว่างด้านการเติบโตของตลาดคลาวด์ที่ติดขัดเรื่องเงินลงทุน ค่าจ้างบุคลากรเฉพาะทางเพื่อทำระบบที่สูงมาก รวมถึงลดเวลาการดำเนินการติดตั้งจาก 1 เดือน เหลือ 1 วัน และเพิ่มดีมานด์ให้ตลาด”

จากการเติบโตของคลาวด์ คอมพิวติ้งทุกวันนี้อยู่ในไพรเวท คลาวด์เป็นส่วนใหญ่ แต่คาดว่าพับลิค คลาวด์มา แน่นอนภายใน 3 ปีจากนี้ ซึ่งธุรกิจคลาวด์ เซอร์วิส โพรไวเดอร์ต้องมีพาร์ทเนอร์ช่วยเหลือกันเป็นเครือข่าย ปัจจุบันบริษัทมีพาร์ทเนอร์หลักคือ อินเทล เอสเอพี ไมโครซอฟท์ และเรดแฮด การขยายในอนาคตจะพิจารณาตามลำดับความสำคัญที่ต้องใช้ในธุรกิจ

ส่วนการปั้นไทยเป็นฮับดาต้าเซ็นเตอร์เอเชียได้ทำอย่างต่อเนื่อง ร่วมกับกลุ่มประเทศพันธมิตรอีก 4 รายคือ สิงคโปร์ มาเลเซีย ฮ่องกง และเวียดนาม ขณะที่การขยายดาต้าเซ็นเตอร์แห่งที่ 3 ที่นอร์ธพาร์ค ซึ่งใช้งบลงทุนไปกว่า 4.5 พันล้านบาทจะเสร็จในปี 2555

นอกจากดาต้าเซ็นเตอร์ แต่ละปีบริษัทใช้งบลงทุนด้านซอฟต์แวร์ ฮาร์ดแวร์ และส่วนอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องไม่ต่ำกว่า 10 ล้านบาท สัดส่วนรายได้มาจากการทำตลาดในประเทศ 80% ต่างประเทศ 20% แผนการเพิ่มสัดส่วนรายได้ต่างประเทศจะร่วมกับพันธมิตรประเทศต่างๆ เปิดวงจรเชื่อมต่อเข้าหากัน ปีนี้ตั้งเป้าจะเติบโตไม่ต่ำกว่า 30%

ทั้งจะเริ่มโครงการใหม่เกี่ยวกับการเชื่อมต่อระบบใยแก้วนำแสงไปตามอาคาร ต่างๆ กระทั่งเข้าถึงระดับห้อง ความเร็วระดับกิกะบิตภายใน 2- 3เดือนนี้ และภายในปีนี้จะเปิดบริการด้านการกู้คืนและสำรองข้อมูลจากภัยพิบัติ

“เมื่อพิจารณาจากฐานลูกค้าแต่ละปีตลาดรวมเติบโตขึ้นไม่ต่ำกว่า 30% การแข่งขันเริ่มรุนแรงมากขึ้น แต่เป็นเรื่องที่ดีที่ลูกค้าจะมีตัวเลือก เราก็ได้ประโยชน์จากการเติบโตของตลาด แม้มีรายใหม่เข้ามาแต่จะไม่ใช่คู่แข่งกันโดยตรง แต่ละคนจะมีตลาดของตัวเอง หน้าที่ของเรามีเพียงทำให้ตัวเองอยู่แถวหน้าของตลาด และมั่นใจว่าด้านอสังหาริมทรัพย์ไม่มีใครจะแข็งแกร่งเท่า ท้ายที่สุดการบริการจะเป็นตัวตัดสินว่าลูกค้าจะเลือกใคร ขณะนี้ผู้เล่นหลักที่ทำได้แบบเรามีเพียง 1-2 ราย”

นายพอล เฮนส์ ผู้จัดการกลุ่มดิจิทัล เอ็นเตอร์ไพรซ์ บริษัท อินเทล ไมโครอิเล็กทรอนิกส์(ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า แนวโน้มตลาดดาต้าเซ็นเตอร์มีอัตราการเติบโตที่สูงมาก ส่วนหนึ่งมาจากการใช้งานดาต้าที่เพิ่มมากขึ้นทั้งระดับองค์กร และดีไวซ์แบบพกพา ข้อมูลระบุว่าแทบเล็ต 122 เครื่อง หรือสมาร์ทโฟน 600 เครื่องต้องใช้ 1 เซิร์ฟเวอร์จัดเก็บข้อมูล ทั้งไอดีซียังระบุด้วยว่าตลาดคลาวด์คอมพิวติ้งจะเติบโตถึง 40% ในอีก 3 ปีข้างหน้า

เขาระบุด้วยว่า ปี 2558 ประชากรที่เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตจะเพิ่มขึ้นอีก 1 พันล้านคน และจะมีประมาณ 1.5 หมื่นล้านคนที่เชื่อมต่อผ่านโมบายดีไวซ์