"เอชทีซี" ตามกระแสโซเชียลเน็ตเวิร์คทั่วโลกโตแรง ใช้เฟซบุ๊คเปิดตัวสินค้าใหม่ "เอชทีซี ชาช่า" เฟซบุ๊คโฟนตัวแรก เขย่าวงการสมาร์ทโฟนไทย

นายณัฐวัชร์ วรนพกุล ผู้จัดการประจำประเทศไทย เอชทีซี (ไทยแลนด์) จำกัด กล่าวว่า ผู้ใช้เฟซบุ๊คทั่วโลกมีประมาณ 750 ล้านคน ในประเทศไทยมีอยู่กว่า 10 ล้านคน บริษัทเห็นว่าเป็นโอกาสที่ดี อีกทั้งบริษัทมีสินค้าที่ตอบโจทย์คนกลุ่มนี้ จึงเลือกเฟซบุ๊คเป็นสื่อสำหรับการแถลงข่าวซึ่งจัดขึ้นวานนี้ (4 ส.ค.) เพื่อตอกย้ำให้เห็นถึงเทรนด์และตำแหน่งของสินค้าให้ชัดเจนขึ้น โดยผลตอบรับที่ได้มีผู้เข้ามาแสดงความเห็นมากกว่า 69 ครั้ง

ทั้งนี้ บริษัทได้เปิดตัว "เอชทีซี ชาช่า โอเอสแอนดรอยด์ 2.3.3" เฟซบุ๊คโฟนตัวแรก และหนึ่งในเรือธงกลุ่มลูกค้าระดับกลาง ตอบโจทย์คนยุคใหม่ชอบใช้โซเชียลเน็ตเวิร์ค ซึ่งบริษัทได้รับอนุญาตจากเฟซบุ๊คอย่างเป็นทางการให้พัฒนาฟีเจอร์การใช้งาน ให้ง่ายเหมาะกับลูกค้าสมาร์ทโฟน ชูจุดเด่นมีปุ่มสำหรับเข้าใช้งานเฟซบุ๊คได้ทันที ช่วยลดขั้นตอนการใช้งานผ่านแอพพลิเคชั่น เน้นความเรียบง่ายผสมผสานความสะดวกสบายในการเข้าใช้ฟังก์ชันของเอชทีซี เซนส์ และฟีเจอร์พิเศษอื่นๆ ทำให้การเข้าถึงเฟซบุ๊คทำได้เร็วขึ้น มีให้เลือก 2 สี ขาวและสีดำราคา 8,900 บาท

เขากล่าวว่า บริษัทจะใช้กลยุทธ์และแผนการตลาดที่เน้นการรับรู้ของผู้ที่ใช้งานทุกกลุ่ม ทุกวัย เจาะตลาดกลุ่มคนชอบเล่นเฟซบุ๊ค ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นกลุ่มวัยรุ่น และวัยเริ่มต้นทำงาน พร้อมเลือก "นท พนายางกูร" เดอะสตาร์ 7 ไอดอล ขวัญใจวัยรุ่นซึ่งมีแฟนคลับบนเฟซบุ๊คมากกว่า 8 หมื่นคนเป็นพรีเซ็นเตอร์ โดยขณะนี้ พร้อมวางตลาดแล้วที่ตัวแทนจำหน่ายของเอชทีซีทั่วประเทศ และได้เพิ่มช่องทางใหม่ที่เอไอเอส ช็อป และร้านเทเลวิซเข้าไป โดยใช้งบการตลาด 12 ล้านบาท

"รุ่นนี้เราตั้งเป้ายอดขายไว้อย่างน้อยเดือนละ 5 พันเครื่องขึ้นไป และเมื่อรวมกับรุ่นซัลซาที่วางตลาดพร้อมกัน ขอส่วนแบ่งการตลาด 5% จากประชากรเฟซบุ๊คไทยที่เล่นบนโมบายจำนวน 3 ล้านคน หรือประมาณ 1.5 แสนเครื่อง"

พร้อมระบุด้วยว่า ปัญหาการขอใบอนุญาตนำเข้าสินค้าจาก กสทช. ที่เคยล่าช้าไปขณะนี้ได้รับการแก้ไขเรียบร้อยแล้ว

ด้านนายฐิติพงศ์ เขียวไพศาล ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการอาวุโส สายงานการตลาด บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือเอไอเอส กล่าวว่า เฟซบุ๊คโฟนเป็นหนึ่งในเซ็กเมนท์ที่มีโอกาสเติบโตมากในไทย บริษัทได้ร่วมมือกับเอชทีซีมอบ สิทธิพิเศษให้ลูกค้าเอไอเอสทุกระบบ ที่สมัครแพ็คเกจเสริม 149 บาทต่อเดือน จะได้รับจีพีอาร์เอส 200 เมกะไบต์ต่อเดือน เป็นระยะเวลา 12 เดือน ตั้งแต่วันนี้ถึง 31 ต.ค. 2554

เขาย้ำด้วยว่า "ควอลิตี้ ดีเอ็นเอเอส" เป็นหัวใจหลักที่เอไอเอสให้ความสำคัญและทำงานร่วมกับพาร์ทเนอร์มาโดยตลอด ตามหลักของการร่วมกันสร้างอีโคซิสเต็ม เพื่อส่งมอบบริการที่ดีที่สุดให้แก่ลูกค้าทุกกลุ่ม