มีตัวอย่างให้ประจักษ์มานับไม่ถ้วนว่า การไม่ได้นั่งอยู่ในตำแหน่งสูงสุด ไม่ได้หมายความว่าบทบาทจะน้อยลง หรือหายไป

กรณีของ "กูเกิล" แม้ “อีริค ชมิดท์” จะทิ้งเก้าอี้ซีอีโอ ที่ทำมากว่า 10 ปี และผันตัวเองไปเป็นประธานกรรมการบริษัท เป็นผู้บริหารหลักรับผิดชอบยุทธศาสตร์ และผลิตภัณฑ์สำคัญๆ ไม่ว่าจะเป็น การสร้างเครือข่ายพันธมิตรทางธุรกิจ การสร้างความสัมพันธ์กับภาครัฐ หรือแม้แต่ดีลการทำธุรกิจรวมถึงการซื้อขายกิจการต่างๆ แทนการบริหารจัดการงานภายใน ซึ่งส่งไม้ต่อให้ "ลาร์รี เพจ" 1 ใน 3 ผู้ร่วมก่อตั้งเป็นผู้กุมบังเหียนแทน

เอเชียใช้มือถือแตะ 3 พันล้าน


"อีริค ชมิดท์" ประธานกรรมการ กูเกิล อิงค์ ให้สัมภาษณ์ในงาน “กูเกิล โมบาย เรโวรูชั่น” ที่จัดขึ้น ณ กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่นว่า ความเชื่อมั่นของกูเกิล คือ ทุกไอเดียของผลิตภัณฑ์ที่เกิดใหม่บนโลกแห่งการสื่อสารจะอยู่ภายใต้อิทธิพลของ "โมบาย แพลตฟอร์ม" เห็นได้จากพฤติกรรมของผู้บริโภคที่ใช้โทรศัพท์มือถือติดตัวเสมือนเป็นส่วนหนึ่งของอวัยวะในร่างกาย

ทั้งนี้ การเชื่อมต่อทางเทคโนโลยีผ่านมือถือ และแทบเล็ตล้วนเป็นเรื่องใหม่ ปัจจุบันต่างได้เห็นตัวเลขที่น่าอัศจรรย์ว่า การใช้งานมือถือในเอเชียมีโอกาสแตะ 3 พันล้านเครื่องในเร็วๆ นี้ ปัจจัยที่ทำให้เกิดการเติบโตที่สูง มาจากประเทศที่มีประชากรจำนวนมาก เช่น อินเดีย และ จีนที่คนรุ่นใหม่เริ่มหันมาใช้มือถือเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 10 ล้านคนต่อเดือน

เขากล่าวว่า จริงอยู่ว่าการใช้ฟีเจอร์โฟน ยังเป็นสัดส่วนที่ใหญ่ที่สุด แต่โครงสร้างตลาดมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว จากความเร็วอินเทอร์เน็ตที่ทำให้การเชื่อมต่อดาต้าผ่านอุปกรณ์โมบายได้รับความนิยมเพิ่มมากขึ้น คาดว่าปี 2555 ยอดขายสมาร์ทโฟนมีโอกาสแซงหน้าพีซีได้แน่นอน

พร้อมระบุว่า ทุกวันนี้ความเร็วเฉลี่ยที่ใช้กับสมาร์ทโฟนเร็วขึ้นกว่า 60% เทียบกับเมื่อ 18 เดือนที่ผ่านมา ในอนาคตความเร็วของระบบเน็ตเวิร์คยุคถัดไป (แอลทีอี) จะเพิ่มขึ้นถึง 50 เมกะบิตต่อวินาที ในอีก 10 ปีข้างหน้า หรือประมาณปี 2563 อินเทอร์เน็ตความเร็วระดับ 1 กิกะไบต์จะกลายเป็นความเร็วมาตรฐานทั่วไป


เชื่อแอนดรอยด์เจ๋งสุด

ประธานกรรมการกูเกิล กล่าวว่า จาก 2 ปีที่ผ่านมา ระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ของกูเกิล กลายเป็นแพลตฟอร์มของโทรศัพท์มือถือทั่วโลก เป็นโอเพ่นซอร์สสมบูรณ์แบบ ในหลากหลายรูปแบบ เปิดโอกาสให้นักพัฒนาได้ทำในสิ่งที่สอดคล้องกับความต้องการของตัวเอง

“มองด้วยอคติส่วนตัวของผม มันชัดเจนว่า แอนดรอยด์คือคำตอบที่ถูกต้องที่สุด”

เขาชี้ว่า ข้อมูลที่อาจเก่าไปแล้วระบุว่า มือถือโอเอสแอนดรอยด์มากกว่า 5.5 แสนเครื่อง ถูกเปิดใช้งานทุกวัน จาก 410 โมเดล ที่ถูกผลิตขึ้นจากผู้ผลิตชั้นนำต่างๆ และ 135 ล้านเครื่องที่ขายไปแล้วตั้งแต่เปิดตัวออกมาเพียง 2 ปี

นอกจากนี้ ด้านความบันเทิงที่เกี่ยวข้องที่มีไว้บริการ ยังมียูทูบที่มีการเข้าชมมากกว่า 3 ล้านครั้งต่อวัน จัดเก็บภาพยนตร์กว่า 3 พันเรื่องให้ชม มีกูเกิล มิวสิค ที่เปิดให้บริการแบบเบต้า ผ่านคลาวด์ คอมพิวติ้ง และความท้าทายต่อไป คือ การพัฒนาให้มือถือกลายเป็นธนาคารส่วนตัว ที่มีความปลอดภัยมากพอในฐานะเครื่องมือการจัดการทางการเงินสำหรับพกติดตัว

“สำหรับเทรนด์ในเอเชียกับเทคโนโลยีการสื่อสารไร้สายระยะสั้น (เอ็นเอฟซี) ที่เราเพิ่งเปิดตัวไปเมื่อเดือน พ.ค. เริ่มทำแล้วที่สหรัฐ ขณะนี้ ยังไม่ได้เป็นระบบเปิดสำหรับทุกคน แต่คาดว่า โอเอสแอนดรอยด์รุ่นใหม่จะทำให้ประสิทธิภาพที่รองรับการทำงานดีขึ้น และจะเข้ามาในเอเชียในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้านี้”

สำคัญที่สุด อีกไม่กี่ปีต่อจากนี้ ราคาเฉลี่ยของสมาร์ทโฟนจะต้องถูกลงระหว่าง 50-60 ดอลลาร์ เพื่อการเข้าถึงที่เท่าเทียมกันทั่วโลกไม่ว่าจะในประเทศที่ยากจนที่สุดในโลก ก็ตาม


เดิมพันใหญ่พลิกโฉมโมบาย

ชมิดท์ แสดงทัศนะว่า นอกจากขนาดของตลาดที่ใหญ่มากในเอเชีย สิ่งที่กูเกิลให้ ความสำคัญไม่แพ้กัน คือ คู่ค้าทางธุรกิจ ที่ช่วยให้เกิดการพัฒนาสินค้าและทำให้ยอดจำหน่ายเพิ่มขึ้น ทั้งเป็นประโยชน์ต่อผู้บริโภค ที่จะได้รับประโยชน์จากการแข่งขันที่มีระหว่างกัน ทำให้เทคโนโลยีสามารถเข้าถึงคนทุกกลุ่ม ที่โลกของการสื่อสารของประชากร 5-6 พันล้านคนทั่วโลกจะเปลี่ยนไป

“ผมเชื่อมั่นในบทบาทของกูเกิล เราไม่เคยวิตกกังวลเกี่ยวกับการเติบโตแบบก้าวกระโดดของแอนดรอยด์ เพราะเราคือผู้ชนะ การแข่งขันไม่ได้ขึ้นอยู่กับนวัตกรรมเพียงอย่างเดียว แต่มีประเด็นด้านการฟ้องร้อง ซึ่งเราพยายามก้าวไปข้างหน้าให้ได้ก่อนเสมอ กลยุทธ์ที่เราให้ความสำคัญที่สุดคือการลงทุนหลักในแพลตฟอร์มแอนดรอยด์ ผสานด้วยความร่วมมือกับผู้พัฒนาแอพพลิเคชั่น”

ทั้งนี้การผสมผสานในความหลากหลายของแอพพลิเคชั่นและฮาร์ดแวร์ คือ ส่วนประกอบสำคัญที่แอนดรอยด์มี แม้จะมีการแข่งขันที่รุนแรงแต่การเติบโตของตลาดก็เกิดขึ้นในทุกๆ ที่

อย่างไรก็ตาม ชมิดท์ ได้ตอบข้อสงสัยถึงโอกาสที่จะกลับไปเป็นผู้ผลิตอีกครั้ง ด้วยคำตอบแบบชัดๆ ว่า

ขณะนี้ กลยุทธ์หลัก คือโฟกัสที่ซอฟต์แวร์ ทว่า “We never say never...”

และสุดท้ายที่อาจ เป็นชนวนระเบิดของทุกสิ่ง ชมิดท์ เชื่อว่า แอนดรอยด์จะเป็น โมบาย แพลตฟอร์ม ของภูมิภาคเอเชีย การแข่งขันระหว่างผู้ผลิตจะก่อให้เกิดความต่างในตลาด สุดท้ายทำให้ผู้บริโภคมีตัวเลือกมากขึ้น ซึ่งการแข่งขันลักษณะนี้ ยังไม่เห็นว่าเกิดขึ้นกับแพลตฟอร์มอื่นๆ

“การปฏิวัติแห่งวงการจะมีมากขึ้นที่นี่ เดี๋ยวนี้ และปัจจัยที่ขับเคลื่อนให้เกิดขึ้น ก็คือ แอนดรอยด์ และมันจะเป็นอนาคตของกูเกิลด้วย” ชมิดท์ทิ้งท้าย