ไทยคมกินรวบ ธุรกิจดาวเทียม เสนอขอลากดาวเทียมต่างประเทศรักษาสิทธิ์วงโคจร 120 องศาตะวันออก ไอซีทีเปิดทางทำได้ กสทช.เล็งออกไลเซ่นชั่วคราวให้

ไทยคมกินรวบธุรกิจดาวเทียม เสนอขอลากดาวเทียมต่างประเทศรักษาสิทธิ์วงโคจร 120 องศาตะวันออก ไอซีทีเปิดทาง ระบุไทยคมยอมดำเนินการให้ โดยไม่มีเงื่อนไขข้อแลกเปลี่ยนเพราะเป็นไปตามสัญญาสัมปทาน หลัง กสท ถอดใจไม่ขอรับเป็นเจ้าภาพดำเนินการ อ้างหากลากดาวเทียมจีนมาจองตำแหน่งใช้เงินกว่า 500 ล้านบาทไม่คุ้มทุน ด้าน กสทช. ยันหากให้เอกชนมายิงดาวเทียม สามารถทำได้โดยจะออกไลเซ่นชั่วคราวให้ ยันไม่ขัดต่อพ.ร.บ.กสทช. ด้วยเป็นเรื่องเร่งด่วนต้องรักษาทรัพยากรชาติ

นาง จีราวรรณ บุญเพิ่ม ปลัดกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศ และการสื่อสาร (ไอซีที) กล่าวหลังการประชุมกับคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ว่า ได้หารือถึงกิจการดาวเทียมของประเทศ โดยเฉพาะการรักษาตำแหน่งวงโคจรดาวเทียม 120 และ 50.5 องศาตะวันออก ที่ประเทศไทยต้องรักษาตำแหน่งไว้ตามมติของคณะรัฐมนตรี (ครม.) ซึ่ง กสทช. พร้อมจะให้ความร่วมมือกับกระทรวงไอซีทีในการรักษาตำแหน่งวงโคจรดาวเทียมดังกล่าว เพื่อรักษาผลประโยชน์ประเทศชาติ

ทั้งนี้ บมจ.ไทยคม ได้ยื่นข้อเสนอมายังกระทรวงไอซีที ว่าจะเป็นผู้ดำเนินการลากดาวเทียมจาก ตำแหน่งอื่น มารักษาตำแหน่งวงโคจร 120 องศาตะวันออกให้ก่อน โดยไม่มีเงื่อนไขใด ๆ แลกเปลี่ยนกับการดำเนินการดังกล่าว เพราะเป็นการดำเนินการตามสัญญาสัมปทาน ซึ่งเมื่อปี 2546 ไทยคมก็ได้ลากดาวเทียมจากตำแหน่งอื่นมาไว้ที่ตำแหน่งวงโคจร 50.5 องศาตะวันออก เพื่อรักษาสิทธิ์ในวงโคจรดังกล่าวเอาไว้

“ไทยคมยื่น ข้อเสนอมา 2 ครั้งว่าจะดำเนินการรักษาตำแหน่วงโคจร 120 องศาเอาไว้ให้ โดยไม่มีเงื่อนไขใดๆ เลย เพราะเป็นการดำเนินการภายใต้สัญญาสัมปทาน อย่างไรก็ดี การรักษาตำแหน่งวงโคจรดาวเทียมของประเทศ ถือว่าทุกฝ่ายช่วยกันเป็นอย่างดีในการรักษาผลประโยชน์ของประเทศ และตำแหน่ง 120 องศา รัฐบาลมีความคิดที่จะใช้เป็นดาวเทียมเพื่อความมั่นคง"

นายสุรนันท์ วงศ์วิทยกำจร รักษาการกรรมการ กสทช. กล่าวว่า กสทช.พร้อมจะสนับสนุนการรักษาตำแหน่งวงโคจรดาวเทียมทั้งสองตำแหน่งอย่างเต็มที่ตามนโยบายของรัฐบาลที่ต้องการรักษาสิทธิ์ตำแหน่งดาวเทียม โดยนับจากนี้ กสทช. จะทำงานคู่ขนานไปกับกระทรวงไอซีที เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อกิจการดาวเทียมของ ประเทศ และให้เป็นไปตามกฎหมายของพ.ร.บ.องค์กรจัดสรรคลื่นความถี่กำกับดูแลกิจการ วิทยุกระจายเสียง กิจการวิทยุโทรทัศน์ และโทรคมนาคม พ.ศ.2553 ที่ระบุให้กิจการดาวเทียมต้องมีการออกใบอนุญาต (ไลเซ่น) ไม่ให้เปิดเป็นระบบสัญญาสัมปทาน

เขา กล่าวว่า ขณะนี้ ไอซีทียังไม่ได้ข้อสรุปว่าจะเอกชนรายใดมารับผิดชอบดาวเทียมในตำแหน่ง 120 องศาตะวันออก แต่หากได้ข้อสรุปแล้ว กสทช.จะออกใบอนุญาตแบบชั่วคราวให้ไปพรางๆ ก่อนที่จะเปิดประมูลใบอนุญาตการทำธุรกิจดาวเทียมให้เป็นไปตามพ.ร.บ.กสทช.ฉบับใหม่

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับตำแหน่งวงโคจรดาวเทียม 120 องศาตะวันออกที่ประเทศไทยได้จองสิทธิ์ไว้เมื่อ 2 ปีที่ผ่านมา มีกำหนดจะสิ้นสุดการจองสิทธิ์ในเดือนม.ค.2555 ส่วนตำแหน่ง 50.5 องศาตะวันออก จะสิ้นสุดเดือนต.ค.2555 ซึ่งก่อนหน้านี้กระทรวงไอซีที ได้มอบหมายให้ บมจ. กสท โทรคมนาคม ไปศึกษาความเป็นไปได้ในการลากดาวเทียมจากตำแหน่งอื่นมาวางไว้ในตำแหน่ง 120 องศาตะวันออก แต่เกิดปัญหาด้านเทคนิคและผลการศึกษาพบว่าไม่คุ้มค่าการลงทุน

ดังนั้น กสท ไม่สามารถดำเนินการได้ เพราะการลากดาวเทียมจากประเทศจีนมาไว้ในตำแหน่ง 120 องศาตะวันออก จะต้องใช้เงินไม่ต่ำกว่า 500 ล้านบาท ฉะนั้น จึงต้องหาช่องทางอื่นรักษาตำแหน่วงวงโคจรดาวเทียม ซึ่งเมื่อไทยคมได้ยื่นข้อเสนอมายังกระทรวงไอซีที ว่าพร้อมจะดำเนินการให้ ดังนั้นก็ต้องให้ไทยคมเป็นผู้ดำเนินการ ซึ่งเป็นไปตามเงื่อนไขของสัญญา

รายงานข่าวแจ้งว่า ปัจจุบันนี้ ไทยคมให้บริการธุรกิจดาวเทียมอยู่ 2 ตำแหน่งวงโคจรคือ ดาวเทียมไทยคม 4 (ไอพีสตาร์) ที่ 119.5 องศา และไทยคม 5 ที่ตำแหน่ง 78.5 องศา และล่าสุดได้รับอนุมัติจากกระทรวงไอซีทีให้ยิงดาวเทียมไทยคม 6 เพื่อใช้เป็นดาวเทียมสำรองไทยคม 3 ซึ่งคาดว่าจะยิงขึ้นสู่วงโคจรได้ในปี 2556 โดยมูลค่าโครงการ 140 ล้านดอลลาร์ ส่วนไอซีทีได้สิทธิ์ครอบครองวงโคจรที่นอกเหนือจากไทยคม 5 และไอพีสตาร์ คือ ตำแหน่ง 50.5, 120, 126 และ 142 องศา