"แซส" รับลูก พ.ร.บ. ป้องกันการฟอกเงินประกาศใช้ 26 ส.ค.นี้ ชูพัฒนาโซลูชั่นเฉพาะทาง-ทีมงานพร้อมเจาะตลาดลูกค้าในประเทศ เตรียมเพิ่มพาร์ทเนอร์เพิ่ม 5 ราย รับแนวโน้มตลาดโตเท่าตัวปีนี้

นายทวีศักดิ์ แสงทอง กรรมการผู้จัดการ บริษัท แซส ซอฟท์แวร์ (ไทยแลนด์) จำกัด กล่าวว่า แนวโน้มการลงทุนเทคโนโลยีเพื่อป้องกันอาชญากรรมทางการเงิน และการฟอกเงินทั่วโลกโตขึ้นเฉลี่ย 15% ต่อปี แต่สำหรับไทยคาดว่าปีนี้จะโตไม่ต่ำกว่า 30% ซึ่งเป็นผลจากไทยกำลังเตรียมจะประกาศใช้ พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินที่จะมีผลบังคับใช้วันที่ 26 ส.ค.นี้

ทั้ง นี้กฎหมายดังกล่าวจะส่งผลให้ธนาคาร รวมถึงสถาบันการเงินจะต้องมีระบบการตรวจสอบความเคลื่อนไหวของการกระทำผิดทาง การเงิน และกำหนดให้การทำธุรกรรมที่ใช้เงินสดมากกว่า 2 ล้านบาทจะต้องกรอกใบ ปปง.1-01 รวมถึงธุรกรรมที่เกี่ยวข้องกับทรัพย์สินมากกว่า 5 ล้านบาทจะต้องกรอกใบ ปปง.1-02 และครอบคลุมถึงการทำธุรกรรมในธุรกิจนอกกลุ่มสถาบันการเงิน เพื่อป้องกันแนวโน้มการฟอกเงินอีก 9 กลุ่ม เช่น ผู้ประกอบการอัญมณี เพชร พลอย ทองคำ โดยมีโทษปรับไม่เกิน 5 แสนบาท และปรับอีกไม่เกินวันละ 5 พันบาทตลอดเวลาที่ยังฝ่าฝืนอยู่

เขาระบุว่า ภาพรวมธุรกิจการเงินในไทยส่วนใหญ่ยังใช้ระบบแมนวลที่ต้องใช้ความเชี่ยวชาญ ของผู้ตรวจสอบ หรือระบบที่พัฒนาขึ้นเองภายใน ซึ่งอาจไม่รองรับการทำธุรกรรมของธนาคารที่บางแห่งมีมากกว่า 1 ล้านรายการต่อวัน

ขณะที่ผู้ให้บริการโซลูชั่นเพื่อป้องกันการกระทำ ผิดทางการเงินในไทยยังมีไม่มากนัก และยังไม่มีผู้ให้บริการใดที่มีสำนักงาน และทีมงานให้บริการลูกค้าในประเทศโดยเฉพาะ ล่าสุดได้รับเลือกจากธนาคารอาคารสงเคราะห์ติดตั้งระบบตรวจสอบและติดตามบัญชี ของลูกค้า ทำให้ปัจจุบันมีลูกค้าธนาคารที่ใช้โซลูชั่นดังกล่าวรวม 5 รายและกำลังเจรจาลงทุนอีกหลายราย

"พ.ร.บ.ที่ประกาศใช้องค์กรต่างๆ จะสามารถเลือกใช้วิธีไหนก็ได้เพื่อสกัดกั้นการเกิดการฟอกเงิน หรือการยักย้ายถ่ายเงินที่ผิดกฎหมาย แต่ธนาคารที่มีระบบเข้ามาช่วยก็จะได้เปรียบเรื่องความเร็วในการตรวจสอบ และการตรวจพบการกระทำผิด เพราะถ้า ป.ป.ง. ตรวจสอบพบว่า กระทำผิดแต่ธนาคารไม่จัดการจะต้องถูกปรับเงินตามระเบียบ" นายทวีศักดิ์ กล่าว

นายสตู เบรดลี่ย์ ผู้อำนวยการ ฝ่ายปฏิบัติการด้านอาชญากรรมและการทุจริตทางการเงิน บริษัท แซส เผยว่า ผลสำรวจการกระทำผิดทางการเงินทั่วโลกล่าสุดพบว่ามีความซับซ้อนมากขึ้น และธนาคารก็มีแนวโน้มที่จะถูกปรับเพิ่มสูงขึ้น

นอก จากนี้ยังมีแนวโน้มว่าการลงทุนด้านเทคโนโลยีเพื่อป้องกันอาชญากรรมทางการ เงินจะเพิ่มจาก 3 พันล้านดอลลาร์เป็น 4.1 พันล้านดอลลาร์ทั่วโลก ซึ่งเป็นโอกาสสำหรับตลาดแซส โดยเฉพาะในไทยที่ยังไม่มีคู่แข่งเข้ามาทำตลาดอย่างจริงจัง

แซสวาง แผนเพิ่มพาร์ทเนอร์ในไทย โดยเฉพาะผู้วางระบบ (ซิสเต็มส์ อินทิเกรเตอร์) เพิ่มอีก 5 รายจากเดิม 3 ราย รองรับการขยายตัวของตลาด รวมทั้งช่วยลดการลงทุนให้แก่ลูกค้า โดยเฉพาะการติดตั้งระบบ ซึ่งพบว่าค่าเฉลี่ยไลเซ่นซอฟต์แวร์ทุกๆ 100 ล้านบาทจะเป็นค่าติดตั้งระบบราว 3-5 เท่า