เอเซอร์ ชูกลยุทธ์ป้องตลาดดิจิตอล ดิสเพลย์ ระบุปีนี้ยอดซื้อขายโปรเจ็กเตอร์ 100,000 เครื่อง โตพรวด 20% เหตุตลาดการศึกษาหนุน แถมราคาลด 25% ล่าสุดชูปีโก้เป็นหอกหลัก สร้างตลาดโปรเจ็กเตอร์ส่วนบุคคล พร้อมส่งเทคโนโลยีโฟโต้เฟรม-3 มิติ เร่งทำยอดจอมิเตอร์
นางสาวสุภาพร ลือพร้อมชัย ผู้จัดการอาวุโสผลิตภัณฑ์กลุ่มดิจิตอล ดิสเพลย์ บริษัทเอเซอร์ คอมพิวเตอร์ จำกัด เปิดเผยกับ"ฐานเศรษฐกิจ" ว่าภาพรวมการทำตลาดของกลุ่มดิจิตอล ดิสเพลย์ ที่ประกอบด้วย ผลิตภัณฑ์เครื่องฉายภาพ หรือโปรเจ็กเตอร์ และ จอภาพคอมพิวเตอร์ หรือมอนิเตอร์ ยังคงรักษาส่วนแบ่งตลาดเป็นอันดับ 1 โดยในส่วนของโปรเจ็กเตอร์นั้นบริษัทคาดการณ์ว่าปีนี้จะมีตัวเลขซื้อขาย ประมาณ 100,000 เครื่อง เติบโตขึ้นประมาณ 20% จากเดิมปีที่ผ่านมาเติบโตราว 6% โดยปัจจัยที่สนับสนุนให้ตลาดมีการเติบโตขึ้นมาจากโครงการจัดซื้อโป รเจ็กเตอร์ใหม่ของภาคการศึกษา และแนวโน้มราคาที่ลดลงเฉลี่ยปีละประมาณ 25%
นอกจากนี้ยังเป็นผลมาจากแนวโน้มของเทคโนโลยีโปรเจ็กเตอร์แบบพกพาขนาดเล็ก ที่มีความสว่างต่ำกว่า 500 ลูเมน ราคาต่ำกว่า 10,000 บาท ที่จะเข้ามาช่วยกระตุ้นตลาด และปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการนำเสนองานจากกระดาษ มาเป็นการนำเสนอผ่านโปรเจ็กเตอร์มากขึ้น อีกทั้งยังทำให้โปรเจ็กเตอร์เป็นอุปกรณ์ส่วนบุคคลมากขึ้น
สำหรับกลยุทธ์การทำตลาดของบริษัทช่วงครึ่งปีหลัง จะมีการนำเสนอผลิตภัณฑ์ใหม่สู่ตลาดต่อเนื่อง ซึ่งในปีนี้มีผลิตภัณฑ์ทำตลาดไม่ต่ำกว่า 20 รุ่น ราคาตั้งแต่ 11,900-150,000 บาท โดยในการทำตลาดนั้นจะแบ่งเป็น 4 กลุ่มหลัก คือ 1.กลุ่มประสิทธิภาพสูง Performance ที่มุ่งการนำเสนอไปยังกลุ่มองค์กร เอสเอ็มอี และภาคการศึกษา โดยกลุ่มดังกล่าวนั้นลูกค้าต้องการโปรเจ็กเตอร์ประสิทธิภาพการทำงานสูง รองรับการเชื่อมต่อแบบไร้สาย
ส่วนกลุ่มที่ 2 เป็นกลุ่มเครื่องฉายระยะสั้น (Short Throw) ซึ่งในครึ่งปีหลังจากมีโปรดักต์ที่สามารถแสดงผลขนาดหน้า 77 นิ้ว ในระยะห่างประมาณ 13 เซนติเมตร จากเดิม 95 เซนติเมตร และมีสมาร์ทเพน ซึ่งเป็นปากกาที่สามารถเขียนบนหน้าจอได้ขณะการนำเสนอ ที่ช่วยให้การนำเสนอเป็นอินเตอร์แอกทีฟมากขึ้น ทั้งยังสามารถจัดเก็บสิ่งที่นำเสนอบนหน้าจอ อัดเสียง และวิดีโอได้ นอกจากนี้ยังเปิดตัว ผลิตภัณฑ์โปรเจ็กเตอร์ เอเซอร์ ยู 5200 ซึ่งเป็นเครื่องฉายระยะสั้นสำหรับกลุ่มคอนซูเมอร์ รองรับการแสดงผลแบบ 3 มิติ เหมาะสำหรับกลุ่มลูกค้าที่ต้องการสร้างโฮมเธียเตอร์ภายในบ้าน แต่มีพื้นที่จำกัด อาทิ กลุ่มผู้พักอาศัยอยู่ในคอนโดฯ
สำหรับกลุ่มที่ 3 เป็นโปรเจ็กเตอร์ในกลุ่มใช้งานเพื่อความบันเทิง ที่ออกแบบมาสำหรับการใช้งานภายในบ้าน น้ำหนักเบา รองรับการทำงานแบบไร้สาย และมุ่งเน้นเทคโนโลยีถนอมสายตา ซึ่งในไตรมาส 3 นี้ จะมีผลิตภัณฑ์ เอช 5360 ซึ่งเป็นโปรเจ็กเตอร์ที่สามารถเชื่อมต่อกับเครื่องเล่นบลูเรย์ 3 มิติ เกมคอนโซล และโน้ตบุ๊กที่รองรับการแสดงผลแบบ 3 มิติ เข้ามาทำตลาด และสุดท้ายกลุ่มสุดท้ายที่มีแนวโน้มการเติบโตสูง คือ กลุ่มโปรเจ็กเตอร์แบบพกพา ซึ่งในไตรมาส3 จะมีผลิตภัณฑ์ ซี 110 ที่มีขนาดบางเท่ากับโน้ตบุ๊ก เชื่อมต่อกับช่องเสียบยูเอสบีโน้ตบุ๊ก ราคาไม่ถึง 10,000 บาท เข้ามาเสริมการทำตลาดรุ่น บีโก้ ซี 20 และ เค 11 โดยคาดว่าปีนี้ในกลุ่มผลิตภัณฑ์โปรเจ็กเตอร์พกพาจะมีตัวเลขการเติบโต 500%
นางสาวสุภาพร กล่าวต่ออีกว่าส่วนตลาดจอภาพคอมพิวเตอร์ คาดว่าตลาดรวมจะมีตัวเลข 1.6 ล้านเครื่อง โดยอัตราการเปลี่ยนจากจอภาพแบบซีอาร์ทีเป็นแอลซีดีลดลง เนื่องจากช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา ผู้ใช้มีการเปลี่ยนจอภาพเป็นแอลซีดีเกือบหมดแล้ว ซึ่งตลาดที่เติบโตขึ้น คือ ตลาดบัลเดิลไปกับคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะ เนื่องจากปีนี้มีโครงการจัดซื้อคอมพิวเตอร์ทั้งของคอมพิวเตอร์โรงเรียน สังกัดกรุงเทพมหานคร และคอมพิวเตอร์โรงเรียนของสำนักงานการศึกษาขั้นพื้นฐาน หรือ สพฐ. โดยตลาดหลักปีนี้อยู่ที่จอภาพขนาด 18.5 นิ้ว ราคาเฉลี่ยประมาณ 3,100 บาท และ 20 นิ้ว ราคาเฉลี่ย 3,500 บาท ซึ่งที่มีการปรับลดราคาลงมาจากปีที่ผ่านมา 300-400 บาท โดยไตรมาส 3 จะมีมอนิเตอร์ที่เป็นโฟโตเฟรม หรือกรอบรูปขนาด 21.5 นิ้ว และมอนิเตอร์ที่เป็น 3 มิติ 3 รุ่น