อัลคาเทล-ลูเซ่นคุยภาพรวมธุรกิจยังไปได้สวย เตรียมเน้นตลาดที่ไม่ใช่กลุ่มโทรคมนาคมเพิ่มขึ้น ปีนี้เห็นรายได้เพิ่มแตะ 10% พร้อมเปิดตัวชิปเซตใหม่ เอฟพี 3 ที่เร็วกว่าคู่แข่งถึง 4 เท่าตัว รองรับแอปพลิเคชันใหม่ๆ รวมถึงคอนเทนต์ที่ต้องการแบนด์วิธสูงได้อย่างสบาย แถมยังลดการใช้พลังงานลดถึง 50%

นายเบนจามิน คาร์ลาเกียน ประธานและกรรมการผู้จัดการ บริษัท อัลคาเทล-ลูเซ่น (ประเทศไทย) กล่าวว่า ภาพรวมการดำเนินธุรกิจในประเทศไทยถือว่า การเติบโตเป็นไปตามที่ตั้งเป้าหมายเอาไว้ ในช่วงครึ่งปีแรก รายได้หลักยังคงมาจากกลุ่มธุรกิจโทรคมนาคมอยู่ถึงแม้ว่า จะไม่เป็นผู้ชนะในการประกวดราคาโครงการ3Gของทีโอทีก็ตาม แต่ยังคงมีงานโครงการต่างๆ เข้ามาอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นคำสั่งซื้ออุปกรณ์ที่เป็นระบบเชื่อมต่อ (backhaul) และเรื่องของการสนับสนุนทางด้านบริการบางอย่าง และยังมีการสั่งซื้ออุปกรณ์ในการให้บริการอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง ไม่ว่าจะเป็นทีโอที ทรู อินเทอร์เน็ต และ 3บีบี ที่มีการลงทุนระบบของอัลคาเทลอย่างต่อเนื่อง และมีแนวโน้มมากขึ้นเป็นพิเศษในปีนี้

'ถ้าพูดถึงนวัตกรรมในเรื่องอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงของอัลคาเทลแล้ว ไม่เป็นรองใครแน่นอน'

ปีนี้อัลคาเทลฯ เริ่มขยายเข้าไปในตลาดที่ไม่ใช่กลุ่มโทรคมนาคมมากขึ้น ซึ่งมีการทำตลาดในส่วนนี้มาบ้างแล้ว แต่ไม่ได้เน้นมากนัก อาทิ ธุรกิจด้านสาธารณูปโภค อย่างการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค ปตท. รวมถึงตลาดเอนเตอร์ไพรซ์ ที่เริ่มมีการลงทุนทางด้านเครือข่ายสื่อสารเพิ่มขึ้น เริ่มมีการเชื่อมต่อเครือข่ายระหว่างหน่วยงาน

'ตลาดนี้ไม่ใช่ตลาดใหม่ แต่เป็นตลาดที่อัลคาเทลจะโฟกัสมากขึ้น ซึ่งคาดว่ารายได้จากตลาดดังกล่าวจะมีสัดส่วนมากกว่า 10% ของรายได้รวมในปีนี้ของอัลคาเทล'
นายแมคนัส ลินด์ หัวหน้าฝ่ายโซลูชั่นสำหรับลูกค้า อัลคาเทล-ลูเซ่น (ประเทศไทย) กล่าวเสริมว่า อัลคาเทลฯ ได้เปิดตัวชิปเซตใหม่สำหรับการทำงานบนเครือข่าย ที่เรียกว่า เอฟพี 3 ที่มีความเร็วในการประมวลผลสูงถึง 400 กิกะบิตต่อวินาที ซึ่งพัฒนาโดยทีมวิจัยและพัฒนาของอัลคาเทลฯ เอง เพื่อตอบสนองความต้องการของตลาดโดยตรง ต่างจากของคู่แข่งในตลาดที่ใช้ชิปเซตจากผู้ผลิตภายนอกที่ใช้เวลาในการพัฒนา ชิปเซตที่มีความเร็วสูงเข้าสู่ตลาดได้ช้ากว่ามาก

'ชิปเซตใหม่นี้มีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้น 400% ขณะที่คู่แข่งเพิ่งจะเริ่มใช้ชิปเซตความเร็ว 100 กิกะบิตต่อวินาที ซึ่งทางอัลคาเทลเปิดตัวไปตั้งแต่ปี 2550'

ด้วยความเร็วที่สูงขึ้น ทำให้ชิปเซต เอฟพี3 สามารถรองรับกับบริการใหม่ๆ ทั้งที่เป็นในส่วนของคอนเทนต์และแอปพลิเคชันได้ทันที รวมถึงการรองรับเทคโนโลยีไอพีวี6 ที่จะเริ่มมีการใช้งานกันอย่างจริงจังในปีหน้านี้ ที่สำคัญ ชิปเซตใหม่นี้ยังลดการใช้พลังงานลงถึง 50%

'ด้วยนวัตกรรมที่ก้าวกระโดดของเอฟพี3 จะช่วยขยายโอกาส กิจกรรม และประสิทธิภาพต่างๆ ที่เราทำบนโลกอินเทอร์เน็ต ซึ่งช่วยให้ผู้ให้บริการสามารถสร้างสรรค์แอปพลิเคชันชั้นสูงที่น่าตื่นเต้น ใหม่ๆ ที่ถูกใจลูกค้าบุคคลและเหมาะสมกับธุรกิจต่างๆ ได้อย่างลงตัว'