User Online ( 1 ) 
 ระบบสมาชิก  ตั้งเป็นหน้าแรก  แจ้งโอนเงิน
 ตะกร้าสินค้า ( 0 Item ) 
Home » ข่าว » "ทอม ศรีวรกุล" แปรรูปโซเชียลคอมเมิร์ซไทย
 
 ค้นหาสินค้า
 ตู้ Close Rack (31)
 ตู้ Wall Rack (9)
 ตู้ Open Rack (5)
 ตู้ Rack Accessories (39)
 สายLAN(UTP) สายแลน (183)
 เครื่อง Server (35)
 เครื่องสำรองไฟ UPS (62)
 
 สมัครสมาชิกจดหมายข่าว
สมัครรับจดหมายข่าว รับข้อเสนอพิเศษ จากร้านค้า
 ข่าว

"ทอม ศรีวรกุล" แปรรูปโซเชียลคอมเมิร์ซไทย

"หากต้องการประสบความสำเร็จต้องยอมเสี่ยง ดูว่าอะไรผิด อะไรถูก อะไรที่ต้องเพิ่มเติม อะไรที่ต้องทดลองทำดู"

"ทอม ศรีวรกุล" ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและผู้ก่อตั้ง บริษัท เอ็นโซโก้ จำกัด เปิดมุมมองการบริหารธุรกิจในแบบฉบับของตัวเอง กับบทบาทใหม่ที่ต้องมองไปไกลเกินระดับโลคอล หลังตัดสินใจให้ลีฟวิ่งโซเชียล ยักษ์อีคอมเมิร์ซสัญชาติมะกันเข้าควบกิจการเมื่อเดือน มิ.ย.ที่ผ่านมา

ทั้ง นี้โดยเฉพาะเมื่อเทรนด์ของการซื้อขายบนโลกของดิจิทัล ซึ่งถือเป็นกุญแจสำคัญสู่ความสำเร็จในการสร้างสรรค์ธุรกิจรูปแบบใหม่กำลัง ได้รับการยอมรับอย่างแพร่หลาย ด้วยตลาดโฆษณาออนไลน์ไทยที่ถูกคาดการณ์ว่าจะมีมูลค่าถึง 6 พันล้านบาทในปี 2554 เติบโตไม่ต่ำกว่า 30-40% ทุกปี และโซเชียลคอมเมิร์ซซับเซ็ตในนั้นกำลังเติบโตแบบก้าวกระโดดด้วยสัดส่วน ประมาณ 30% และปี 2556 มีโอกาสเพิ่มขึ้นถึง 50% ด้านพฤติกรรมของผู้บริโภคไทยที่จับจ่ายสินค้าออนไลน์ 65% แม้จะล้าหลังจากสหรัฐอเมริกา 10 ปี แต่ก็มีจำนวน 34% ของจำนวนผู้ใช้อินเทอร์เน็ตทั่วประเทศแล้ว

ตลาดเกิดใหม่เอเชียเนื้อหอม
ทอม กล่าวถึง มุมมองการเลือกพาร์ทเนอร์ของผู้นำตลาดด้านอีคอมเมิร์ซในต่างประเทศ ว่า มักดูโอกาสการเติบโตของตลาดโดยเฉพาะตลาดเกิดใหม่ในภูมิภาคเอเชีย เช่น ไทย อินโดนีเซีย และฟิลิปปินส์ โดยแค่ 3 ประเทศนี้ก็กินสัดส่วนไปกว่า 90% ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้แล้ว

"ที่เขาเลือกเอ็นโซโก้เพราะ เห็นว่าเรามีความแข็งแกร่งในความเป็นโลคอลมาก่อน นอกจากการนำเรื่องเทคโนโลยีเข้ามาช่วยเสริมให้แล้ว ยังเป็นการเรียนรู้ตลาดไปพร้อมๆ กันซึ่งช่วยให้แต่ละฝ่ายร่นระยะเวลาความสำเร็จ และหลีกเลี่ยงความผิดพลาดที่อาจเกิดขึ้นได้ในอนาคต"

ขณะที่ตลาด อื่นๆ ที่พัฒนาแล้วอย่างสิงคโปร์หรือมาเลเซีย ต้องยอมรับว่าระบบอินฟราสตักเจอร์ดีกว่าจริง แต่เรื่องของความท้าทายและโอกาสเทียบไม่ได้เลย ขนาดของตลาดก็เล็กกว่ามาก

ทั้ง นี้ทอมมองเห็นโอกาสการขยายตลาดที่มีอนาคตค่อนข้างสดใสจากที่อเมซอนเป็นผู้ ถือหุ้นรายใหญ่ของลีฟวิ่ง โซเชียล โดยแต่ละปีทุ่มงบประมาณจำนวนหลายร้อยล้านดอลลาร์ลงมาให้ ส่วนของบริษัทก็ได้งบการตลาดจากลีฟวิ่งโซเชียลกว่า 105 ล้านบาทที่จะมาเป็นตัวแปรสำคัญให้เป้าหมายการเพิ่มจำนวนสมาชิกให้ได้ถึง 1 ล้านคน จาก 4 แสนคน ภายในสิ้นปีเป็นจริงขึ้นมาได้

"สิ่งที่เขาต้อง การจากเราคือการเพิ่มจำนวนสมาชิกให้ได้มากที่สุด แต่ไม่ต้องการเข้ามาแทรกแซงเรื่องการบริหารงานจัดการใดๆ งบการตลาดที่ได้จะแบ่ง 80% สำหรับการทำตลาดบนสื่อออนไลน์ เช่นเฟซบุ๊ค และเว็บไซต์ชื่อดังต่างๆ และ 20% สำหรับสื่อออฟไลน์ประเภทโฆษณาทางโทรทัศน์"

เขาเผยว่า แม้ไม่ได้ร่วมมือกันธุรกิจก็ยังเดินหน้าต่อไปได้เหมือนเดิม เป้าหมายต่างๆ ที่จะทำให้ได้ในปีนี้ บริษัทได้วางแผนไว้ก่อนหน้านี้แล้ว 6 เดือน

ยอมเสี่ยงเพื่อความเป็นหนึ่ง
ทอม กล่าวว่า โครงสร้างการบริหารและโพสิชั่นของเอ็นโซโก้ไม่ ได้เปลี่ยนไป ยังคงเป็นแบรนด์ระดับโลคอลเหมือนเดิม แต่มีโอกาสนำสินค้าไทยเข้าไปนำเสนอในตลาดระดับโลกจากที่ลีฟวิ่งโซเชียลมี สมาชิก 40 ล้านคนใน 21 ประเทศทั่วโลก

"เราเองต้องมองไปข้างหน้า อย่างเดียว ไม่สนใจว่าคู่แข่งจะเป็นอย่างไร ถ้าเป็นไปได้จากส่วนแบ่งการตลาดในโซเชียลคอมเมิร์ซไทย 84% ถ้าได้ถึง 90% เร็วๆ นี้จะยิ่งดีใจ และที่สำคัญที่สุดคือการพัฒนาตลาดในบ้านตัวเอง ช่วยให้แบรนด์ไทยมีโอกาสเข้าไปมีพื้นที่ในระดับโลก ในฐานะคนทำธุรกิจที่ต้องพบกับความท้าทายทุกคน ผู้ที่สามารถแก้ปัญหาได้ และรักษาความแข็งแกร่งที่มีได้ก็จะกลายเป็นที่ 1 ในตลาดนั้นๆ"

ทั้ง นี้ มุมมองด้านการทำตลาดของบริษัทยังคงเหมือนเดิมคือ มีหน้าที่ขยายตลาดไปให้ได้กว้างที่สุดด้วยวิธีการเดิมที่ทำและประสบความ สำเร็จมาแล้ว คือการเปลี่ยนผู้บริโภคที่ไม่เคยมีประสบการณ์ด้านการซื้อขายในระบบออนไลน์ เลย ให้ได้ทดลองใช้เพื่อให้เห็นถึงข้อดี ซึ่งจะนำมาถึงการใช้งานต่อเนื่องไปเรื่อยๆ

โดยกลยุทธ์หลักคือ รักษาความสัมพันธ์ที่ดีกับลูกค้าและคู่ค้าด้วยโมเดลรายได้ลักษณะเดิมคือแบ่ง รายได้จากแต่ละดีล 30-50% เน้นการเพิ่มผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ เพิ่มดีลเพื่อเพิ่มโอกาส รวมถึงมองหาคู่ค้าที่เป็นแบรนด์ระดับพรีเมียม และเสริมความแข็งแกร่งตลาดรีเทลที่ขายเครื่องใช้ไฟฟ้า นาฬิกา และโทรศัพท์มือถือมากขึ้น โดยโฟกัสไปในตลาดแมสถึงระดับหมู่บ้าน การเกษตร ต่างกับคู่แข่งที่แข็งแกร่งเพียงเฉพาะด้านใดด้านหนึ่ง

หวังรัฐบาลใหม่ให้ความสำคัญ
เขา ระบุด้วยว่าภายในสิ้นปีนี้จากพนักงาน 175 คน จะเพิ่มบุคลากรฝ่ายขาย และนักพัฒนาการตลาดให้ได้รวม 270 คน ดีลที่เกิดขึ้นแต่ละวันจาก 275 ดีล จะทำให้ได้ถึง 435 ดีล 460 ดีล และถ้าเป็นไปได้ก็ต้องการให้ถึง 500 ดีล การลงทุนจากนี้จะมีเพิ่มขึ้นอีกจำนวนมาก

ผู้บริหารเอ็นโซโก้ แสดงทัศนะว่า ต่อไปหากตลาดเติบโตและผู้บริโภคแสดงออกถึงพฤติกรรมความต้องการการใช้งานออ นไลน์มากขึ้นน่าจะทำให้เกิดเป็นสปอตไลท์ฉายให้ภาครัฐหันมาให้ความสำคัญ เรื่องของการพัฒนาอินฟราสตรักเจอร์ ทั้งอินเทอร์เน็ตบรอดแบนด์ และเทคโนโลยี 3 จี

"เรื่องนี้เป็นปัญหาเดิมๆ ที่พูดกันมานานแต่ก็หวังว่ารัฐบาลใหม่จะให้ความสำคัญ เพราะไม่ว่าตลาดใดหากอินฟราสตรักเจอร์ไม่พร้อม เทคโนโลยีด้านอินเทอร์เน็ตความเร็วไม่มากพอ ประสบการณ์การใช้งานบนมือถือจะเกิดขึ้นได้ไม่ดีเท่าที่ควร"

พร้อม ระบุว่า หากเกิดขึ้นได้จริง จะเป็นตัวกระตุ้นให้โอกาสที่ธุรกิจต่างๆ ได้รับการต่อยอด ทั้งจากภาคการเงินการธนาคารหลายๆ รายที่ต้องการกระตุ้นให้ผู้ใช้บัตรเครดิตใช้จ่าย และจากอุตสาหกรรมโทรคมนาคมที่ต้องการเพิ่มสัดส่วนรายได้จากการใช้งานดาต้า มากขึ้น
Copyright RackServerOnline.com 2010 - 2025. All rights Reserved.