เอ็นโซโก้ ทุ่ม100 ล้านรุกโซเชียลคอมเมิร์ซ ผนึกลีฟวิ่ง โซเชียลลุยเอเชีย ตั้งเป้าสมาชิก 1 ล้านราย

เอ็นโซโก้ กรุยทางปั้นแบรนด์สู่อินเตอร์ หลังบริษัทอีคอมเมิร์ซเบอร์ 2 สัญชาติมะกัน “ลีฟวิ่ง โซเชียล” เข้าควบกิจการ เผยโครงสร้างการบริหารยังเหมือนเดิม มีสิทธิเต็มที่ตัดสินใจ ระบุได้งบตลาด 105 ล้านบาทเข้าทำตลาดเต็มรูปแบบ ตั้งเป้าเพิ่มสมาชิก 1 ล้านรายภายในสิ้นปี

นายทอม ศรีวรกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและผู้ก่อตั้ง บริษัท เอ็นโซโก้ จำกัด เว็บไซต์จำหน่ายคูปองส่วนลดออนไลน์ www.ensogo.com เผยว่า หลังจากที่ลีฟวิ่งโซเชียล บริษัทอีคอมเมิร์ซอันดับ 2 สหรัฐเข้าซื้อกิจการ ซึ่งรวมไปถึงบริษัทที่อยู่ในอินโดนีเซียและฟิลิปปินส์ เมื่อเดือน มิ.ย. ที่ผ่านมา โครงสร้างการบริหารงานไม่ได้เปลี่ยนไป อำนาจการตัดสินใจทุกอย่างยังเหมือนเดิม ทั้งยังช่วยเปลี่ยนบริษัทให้กลายเป็นอินเตอร์แบรนด์ในทันที

“การปิดดีลเราปฏิบัติตามกระบวนการทางกฏหมายไทยทุกอย่าง ส่วนที่ลิฟวิ่งโซเชียลเข้าซื้อ คือ เอ็นโซโก้โฮ ลดิ้งที่จดทะเบียนไว้ในฮ่องกง 49% อีก 51% ที่เหลือยังเป็นของบริษัทในไทยเหมือนเดิม ภายในเดือนนี้ ลีฟวิ่งโซเชียลมีแผนเข้ามาตั้งบริษัทแห่งใหม่ที่ประเทศสิงคโปร์ เพื่อปูทางขยายตลาดภายในภูมิภาคนี้ต่อไปอีก”

เขากล่าวเสริมว่า ใช้เวลาตัดสินใจกว่า 6 เดือน เหตุผลหลักช่วยให้ตัดสินใจคือ แนวคิดด้านธุรกิจที่สอดคล้องกัน และต่างก็มองเห็นโอกาสการเติบโตของตลาดนี้ เขาเองหากมั่นใจในบริษัทก็คงไม่ตัดสินใจเข้ามาลงทุนเช่นกัน

ขณะ เดียวกัน สิ่งที่ลิฟวิ่งโซเชียลเข้ามาช่วยเสริม คือ เทคโนโลยีระบบหลังบ้าน โมบายแอพพลิเคชั่น รวมให้ถึงงบการตลาด 105 ล้านบาทจากเดิมที่ปี 2553 ใช้เพียง 20 ล้านบาท ดีลครั้งนี้ช่วยย่นระยะเวลาการเติบโตให้ 3 ปี จากการแบ่งปันประสบการณ์ที่อยู่ในตลาดมา

ทั้งเป็นการลดความเสี่ยง ในการขยายตลาดต่างประเทศ ที่ไม่ต้องไปแบกรับไว้เอง รวมถึงได้ประโยชน์จากเครือข่ายของลีฟวิ่งโซเชียลที่มีสมาชิก 40 ล้านคนใน 21 ประเทศทั่วโลก มีบุคลากรผู้เชี่ยวชาญ 3 พันคน และการอเมซอนเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่อยู่ด้วยที่สามารถสร้างโอกาสทางธุรกิจ อื่นๆ ในอนาคต

นอกจากนี้ยังเป็นการเปิดโอกาสให้สินค้าไทยเข้าไปใน ตลาดต่างประเทศมากขึ้น โดยเฟสแรกภายใน 6 เดือนนี้ จะเข้าไปเสนอดีลด้านการท่องเที่ยวก่อน แผนการตลาดในไทยจะเพิ่มสัดส่วนสินค้าในร้านรีเทลมากขึ้น และจะให้ความสำคัญกับกลุ่มลูกค้าครอบครัว มากขึ้น รวมถึงใช้โมบายแอพพลิเคชั่นเข้ามาช่วยเสริมการทำตลาดในอีก 90 วัน ขณะนี้เริ่มวางแผนเข้าไปคุยกับผู้บริการมือถือในไทยแล้ว

“โมเดลราย ได้ของเรายังคงใช้การแบ่งจากคู่ค้า 30-50% เหมือนเดิม กลยุทธ์สำคัญคือการเพิ่มจำนวนสมาชิก และคู่ค้าให้มากขึ้น รวมถึงใช้จุดแข็งด้านคุณภาพของดีลที่มีเป็นตัวชูโรงเหนือคู่แข่ง”

นาย ทอม กล่าวถึง เป้าหมายตลาดไทยปี 2554 ว่า ต้องการเพิ่มจำนวนสมาชิกให้ได้ถึง 1 ล้านคน จากเดิมที่มี 4 แสนคน เฟซบุ๊คเฟนเพจ 2.4 แสนคน เป็น 5 แสนคน คู่ค้า 2,500 ราย จากเดิม 800 ราย และบุคลากร 270 คน จาก 175 คน รวมถึงเพิ่มดีลในแต่ละเดือนจาก 275 เป็น 435 ดีล และเพิ่มการแบ่งปันรายได้ช่วยเหลือกิจกรรมเพื่อสังคม 3% ของรายได้ก่อนหักค่าใช้จ่ายมูลค่า 17 ล้านบาท จากปี 53 ที่มอบให้ 6 ล้านบาท

อย่าง ไรก็ตาม ปัจจุบันผู้เล่นในตลาดมีประมาณ 30 ราย แต่รายใหญ่ๆ ที่กินสัดส่วนไปกว่า 95% ของตลาดมีเพียง 10 รายซึ่งในจำนวนนี้ ปี 2553 บริษัทมีส่วนแบ่งการตลาดที่ 84% จากมูลการซื้อขายบนโซเชียลคอมเมิร์ซประมาณ 100 ล้านบาทต่อเดือน สามารถรวบรวมดีลพิเศษให้สมาชิกมากกว่า 1 พันดีล ประหยัดเงินไป 750 ล้านบาท

เขาประเมินว่าปีนี้ตลาดโฆษณาออนไลน์ไทย มีมูลค่า 6 พันล้านบาท เติบโต 30-40% ต่อปี โซเชียลคอมเมิร์ซซึ่งเป็นส่วนย่อยในนั้นมีสัดส่วนประมาณ 30-40%