"เอเซอร์" รับนโยบายแทบเล็ตเหมาะใช้เป็นเครื่องมือสอนเด็ก-ผู้ใหญ่เริ่มต้นใช้ไอที แต่ยังหวั่นราคายังเหมาะกับตลาดโออีเอ็มมากกว่าเครื่องแบรนด์

นายนิธิพัทธ์ ประวีณวงศ์วุฒิ ผู้จัดการอาวุโสฝ่ายการตลาด บริษัท เอเซอร์ คอมพิวเตอร์ จำกัด กล่าวว่า นโยบายแทบเล็ตของว่าที่รัฐบาลชุดใหม่ที่จะเข้ามาผลักดันโครงการจัดซื้อ One Tablet One Per Child ให้นักเรียนเป็นสิ่งที่เหมาะสม เนื่องจากคุณสมบัติของแทบเล็ตสำหรับการใช้งานของเด็กเล็กๆ และผู้ใหญ่ ซึ่งการเรียนรู้วิธีใช้งานคอมพิวเตอร์ทำได้ยาก แต่การใช้แทบเล็ตสามารถเรียนรู้ได้ง่ายกว่ามาก

อย่างไรก็ตามเอเซอร์ยัง มองว่า หากนโยบายดังกล่าวได้รับการผลักดันจริง ภาครัฐอาจไม่ได้มองที่แทบเล็ตแบรนด์ที่มีจำหน่ายอยู่ในท้องตลาดอยู่แล้ว เนื่องจากประเด็นด้านราคาที่ไม่สามารถทำให้ต่ำมากได้ หรืออาจต้องตัดคุณสมบัติเครื่องบางอย่างออกเพื่อให้ได้ราคาตามที่รัฐต้องการ ซึ่งเป็นไปได้ยาก

"จากระดับราคาที่รัฐบอก อาจจะเหมาะกับการคุยตรงกับโรงงานผู้ผลิตมากกว่าคุยกับแบรนด์ ซึ่งปัจจุบันเอเซอร์ยังไม่รู้ว่าสถานการณ์จะออกมาอย่างไร และยังไม่มีการพูดคุยกับโรงงานแต่อย่างใด และไม่คิดว่านโยบายดังกล่าวจะออกมาได้เร็วในขณะนี้" นายนิธิพัทธ์กล่าว

พร้อมกับเผยว่า แนวโน้มตลาดแทบเล็ตในปัจจุบันกำลังเติบโตได้สูง ซึ่งเฉพาะแบรนด์เอเซอร์มียอดขายราว 1 หมื่นเครื่องต่อเดือน โดยส่วนใหญ่เป็นตลาดผู้ใช้งานทั่วไป

ทั้งนี้เนื่องจากกลุ่มเป้าหมายผู้ใช้แทบเล็ตของเอเซอร์คือ ใช้เป็นอุปกรณ์เครื่องเดียวสามารถตอบโจทย์การทำงานได้ทุกอย่าง โดยรองรับทั้งการเชื่อมต่อกับยูเอสบี และเอชดีเอ็มไอ ซึ่งจะแตกต่างจากตลาดแทบเล็ตส่วนใหญ่ เช่น ไอแพด ที่จะเน้นฟังก์ชั่นเพื่อความบันเทิงเป็นหลัก

เขาระบุว่า ในครึ่งปีหลังเอเซอร์มีกำหนดเปิดตัวแทบเล็ตเพิ่มอีกราว รวมทั้งปีนี้ 7 รุ่น คือ ระบบแอนดรอยด์ ขนาด 7 และ 10 นิ้ว ทั้งรุ่นไวไฟ และ 3จี

นอกจากนี้ยังเตรียมจับมือกับพาร์ทเนอร์เพื่อพัฒนาคอนเทนท์สำหรับแทบเล็ต เพราะเชื่อว่าแทบเล็ตก็เป็นเพียงอุปกรณ์ไอทีเท่านั้น แต่ปัจจัยที่จะกระตุ้นให้เกิดการใช้งานคือ คอนเทนท์

ล่าสุดยังได้สานต่อความร่วมมือกับ สำนักงานอุทยานการเรียนรู้ หรือ "ทีเคพาร์ค" นำคอนเทนท์ดิจิทัล และอีบุ๊คของทีเค พาร์ค ทำเป็นแอพพลิเคชั่นลงบนแทบเล็ตของเอเซอร์รุ่น "ไอโคเนีย แทบ เอ500" ให้สมาชิกของทีเค พาร์ค ใช้งานได้ฟรี

ดร.ทัศนัย วงศ์พิเศษกุล รองผู้อำนวยการสำนักงานบริหารและพัฒนาองค์ความรู้ และผู้อำนวยการทีเค พาร์ค ระบุ ว่า แอพพลิเคชั่นที่ได้รับการพัฒนาลงบนแทบเล็ตดังกล่าวมี 6 กลุ่มคือ คู่มือเกมสร้างสรรค์, นิทานพื้นบ้าน 3 ภาค, ชุดหนังสือวัตถุเล่าเรื่อง, คีตมหาราช, Music Library และหนังสือหายากชุดขุมทรัพย์ของแผ่นดิน โดยผู้สนใจสามารถเข้ามาทดลองใช้แอพพลิเคชั่นดังกล่าวได้ที่ทีเค พาร์ค ตั้งแต่วันที่ 4 ส.ค.นี้