"ยักษ์ไอที" ส่งสัญญาณบวกหลังเลือกตั้ง ฟันธงตลาดครึ่งปีหลังโตพุ่ง 15-20% รัฐบาลใหม่สร้างความมั่นใจนักลงทุน เชื่อคอนซูเมอร์รากหญ้ามีเงินใช้จ่ายซื้อสินค้าไอทีมากขึ้น ฟากผู้ผลิตขานรับร่วมโครงการแจก แท็บเลตให้นักเรียน ติงวิธีการหวั่นภาพซ้ำคอมพิวเตอร์เอื้ออาทร กระทบกลไกตลาด


นาย ถกล นิยมไทย ผู้จัดการประจำประเทศไทย กลุ่มธุรกิจไอที บริษัท โตชิบา ไทยแลนด์ จำกัด กล่าวกับ "ประชาชาติธุรกิจ" ว่า ทิศทางตลาด ไอทีไทยครึ่งปีหลัง จากการคาดการณ์ของไอดีซีคาดว่าจะมีการเติบโตมากกว่า 10% และอาจสูงถึง 20% เพราะภาพการเลือกตั้งส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของประเทศไทยในเชิงบวกซึ่งทำให้ นักลงทุนต่างประเทศเกิดความเชื่อมั่นในการเข้ามาลงทุนในประเทศไทยมากขึ้น ซึ่งตนเชื่อว่าไม่น่าจะมีความกังวลใด ๆ จากสถานการณ์การเมือง เนื่องจากธุรกิจ ไอทีภาคเอกชนเดินด้วยตัวเองไม่เกี่ยวกับการเมืองมานานแล้ว

โดย ธรรมชาติของตลาดไอทีไทย ครึ่งปีหลังจะมีอัตราการเติบโตดีกว่าครึ่งปีแรก ซึ่งปีนี้ช่วงครึ่งปีแรกตลาดมีอัตราการเติบโตที่ดี แม้จะได้รับผลกระทบจากปัญหาเหตุการณ์ภัยพิบัติในญี่ปุ่นช่วงเดือนมีนาคมถึง พฤษภาคม ทำให้ตลาดเกิดภาวะสินค้าขาดแคลนช่วงหนึ่ง แต่ครึ่งปีหลังคาดว่าตลาดจะดีขึ้น เนื่องจากเป็นช่วงเปลี่ยนผ่านเทคโนโลยีในรอบครึ่งปี ทำให้ระดับราคาสินค้า ลดลงประมาณ 5-10% จึงกระตุ้นให้อัตราการซื้อสินค้ามีมากขึ้น และจากกระแสการเลือกตั้ง ทำให้ความมั่นใจของผู้บริโภคเป็นบวกและส่งผลต่อการจับจ่ายซื้อสินค้า

สำหรับ นโยบายแจกแท็บเลตให้กับนักเรียนของพรรคเพื่อไทย นายถกลกล่าวว่า หากนโยบายนี้เกิดขึ้นจริงจะกระตุ้นตลาดไอทีได้มากพอสมควร เพราะเป็นการสั่งซื้อจากภาครัฐและการสั่งซื้อสินค้าเป็นตัวเลขค่อนข้างสูง เมื่อเทียบกับตลาดโน้ตบุ๊กปีละ 2 ล้านเครื่อง และเดสก์ทอปปีละ 1 ล้านกว่าเครื่อง

"อย่างไรก็ตาม ต้องรอดูกระบวนการ งบประมาณ และระยะเวลาของโครงการด้วย ซึ่งส่วนใหญ่ระยะเวลาโครงการจะมากกว่า 1 ปี เพราะการแจกแท็บเลตไม่ใช่แค่เรื่องฮาร์ดแวร์อย่างเดียว แต่ต้องมีเรื่องของคอนเทนต์ แอปพลิเคชั่นหลักสูตรที่ต้องเอื้อด้วย"

ด้าน นายสุพันธ์ มงคลสุธี ประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซินเน็ค (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ครึ่งปีหลังอุตสาหกรรมไอทีจะมีการเติบโตเป็นบวก มากกว่า 10% แน่นอน แต่หากมีอุปสรรคหรือสถานการณ์ความรุนแรงทางการเมืองเกิดขึ้น ตลาดไอทีก็อาจจะไม่ได้เติบโตเท่าที่ควร แต่ยังไม่ถึงขั้นติดลบ

ทั้ง นี้หากพรรคเพื่อไทยจัดตั้งรัฐบาลสำเร็จ และพร้อมทำตามที่พูดได้จริงจะสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนและภาคเอกชน ได้ แม้ว่ารัฐบาลจะตั้งงบประมาณไม่ทันเดือนกันยายนนี้ แต่ก็อาจจะมีงบฯพิเศษลงมาใช้จ่ายเพื่อให้เกิดการพัฒนาเศรษฐกิจ และหากภาครัฐไปได้ดี เอกชนจะมีการลงทุนด้านไอทีตามมา ขณะที่ภาคคอนซูเมอร์มีการเติบโตเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว "อย่างน้อยรัฐบาลเพื่อไทยรู้วิธีการดีลกับเอกชน วิธีสนับสนุนภาคเอกชนว่าควรทำอย่างไรได้ รวมถึงหลักการประชานิยมตอนหาเสียง แม้จะมีหลายรูปแบบ แต่หากทำอย่างมีหลักการ และไม่ทำพร่ำเพรื่อไม่น่าจะมีปัญหา พรรคเพื่อไทยได้เสียงค่อนข้างมาก ทำให้มีความมั่นคง การประสานงานของกระทรวงต่าง ๆ จะมีความง่ายขึ้น"

สำหรับ โครงการการแจกแท็บเลตให้นักเรียนนั้น คงจะต้องรอดูความชัดเจนของรายละเอียด ขั้นตอนและนโยบายการแจกก่อนว่าอยู่ในรูปแบบไหน แต่สิ่งที่ตนกังวล คือ ไม่อยากให้ภาครัฐเข้ามาจัดซื้อโดยตรง แต่ควรจะปล่อยให้เป็นตามกลไกตลาดมากกว่า

"รัฐบาลอาจจะวางกรอบได้ แต่อย่าให้เหมือนกับโครงการคอมพิวเตอร์ เอื้ออาทรเมื่อหลายปีที่ผ่านมาซึ่งรัฐนำคอมพิวเตอร์มาจำหน่ายราคาถูกเป็น พิเศษ จนกระทบกับดีมานด์ซัพพลายในตลาด แต่หากรัฐบาลแจกให้ใช้ฟรีก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง แต่อย่าทำขายราคาถูก"

ด้าน นายพรเทพ วัชรอำนวย กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอซุสเทค คอมพิวเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ทิศทางธุรกิจไอทีต่อจากนี้ หลังการเลือกตั้งน่าจะดีขึ้นและมีความนิ่งขึ้น การบริโภคและการใช้จ่ายไอทีน่าจะ สูงขึ้น เพราะหลังจากการจัดตั้งรัฐบาล จะมีการอัดฉีดเงินเข้าระบบ ทำให้ คอนซูเมอร์มีกำลังซื้อมากขึ้น โดยเฉพาะนโยบายสร้างรายได้ให้กับรากหญ้าทำให้มีเม็ดเงินกระจายเข้าสู่ระบบ มากขึ้น ซึ่งนำไปสู่การจับจ่ายใช้สอยและสินค้าไอทีเป็นส่วนหนึ่งที่ประชาชนมีความ ต้องการสินค้า และเชื่อว่าจะไม่มีเหตุการณ์ความรุนแรงทางการเมือง

ขณะ ที่นโยบายแจกแท็บเลตให้กับนักเรียนของพรรคเพื่อไทย หากเกิดขึ้นจริง ตอนแรกจะมีการเรียกเวนเดอร์เข้าไปพูดคุยก่อน ซึ่งเอซุสพร้อมที่จะเข้าร่วม โดยจะต้องศึกษาเงื่อนไข ความเป็นไปได้ และจุดประสงค์ในการใช้จ่าย แม้ว่ารัฐจะมีบทเรียนจากอดีตในโครงการคอมพิวเตอร์ราคาถูก แต่ทีมงานที่มีประสบการณ์น่าจะแชร์ปัญหาที่เกิดขึ้นและวางแผนแก้ไขได้