"เฟิร์ส ลอจิก" รื้อโครงสร้างรับบทดิสทริบิวเตอร์เต็มตัว
นายไตรรัตน์ ใจสำราญ ผู้จัดการทั่วไป บริษัท เฟิร์ส ลอจิก จำกัด กล่าวว่า บริษัทเริ่มปรับโครงสร้างองค์กรใหม่โดยเปลี่ยนบทบาทของบริษัทจากการทำตลาดใน ฐานะซิสเต็มส์ อินทิเกรเตอร์ (เอสไอ) เป็นดิสทริบิวเตอร์ให้แบรนด์ออราเคิลและไซแมนเทคเต็มตัวมีผลตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.ที่ผ่านมา แต่เพิ่งเปิดเผยการดำเนินงานเพราะรอให้สัญญาเก่าหมดและเซ็นสัญญาใหม่กับคู่ ค้าทั้ง 2 ราย
แผนดังกล่าวส่วนหนึ่งเป็นไปตามนโยบายของออราเคิลที่มองว่าการใช้โมเดลนี้ เหมาะสมมากกว่า พร้อมกับรองรับแนวโน้มการเปลี่ยนแปลงของตลาด เทคโนโลยีที่หมุนอย่างรวดเร็ว และพฤติกรรมของลูกค้าที่มองหาโซลูชั่นมากกว่าแพลตฟอร์ม ซึ่งจะทำให้บริษัทสร้างธุรกิจให้เติบโตมากกว่าเดิม และคล่องตัวมากขึ้น
พร้อมกันนี้ บริษัทปรับโครงสร้างผู้บริหารและการบริหารองค์กรภายในใหม่ทั้งหมดโดยเขาเข้า รับตำแหน่งผู้จัดการทั่วไปแทนนายสุเทพ อุ่นเมตตาจิต ที่ย้ายไปเป็นผู้จัดการทั่วไปให้หน่วยธุรกิจจีอินทิเกรชั่นของบริษัท จีเอเบิล จำกัด ในกลุ่มบริษัทจีเอเบิลเช่นกัน รวมถึงปรับลดพนักงานจาก 150 คนเหลือแต่พนักงานด้านดิสทริบิวชั่น 70 คน
“สิ่งที่เปลี่ยนไปคือจากที่เคยเป็นตัวแทนจำหน่ายให้คู่ค้า 5-6 ราย ลดเหลือ 2 ราย เน้นการขายเชิงปริมาณมากขึ้น ไม่คิดเข้าไปแข่งกับใคร ไม่เข้าไปทำตลาดกับเอนด์ยูสเซอร์โดยตรง แต่ยังเน้นตลาดหลักกลุ่มองค์กรขนาดใหญ่ เช่น สถาบันการเงิน ราชการ และธุรกิจสื่อสาร ผ่านพันธมิตรที่เป็นเอสไอให้ 20 ราย เน้นการพัฒนาจุดแข็งของตัวเองในโพสิชั่นที่วางไว้ว่าเป็นแวลู แอดเด็ด ดิสทริบิวเตอร์ ซึ่งต้องมีจุดแข็งด้านนโยบายการช่วยเหลือคู่ค้าและบริการหลังการขายที่ดี”
บริษัทวางแผนการทำตลาดเตรียมจับมือคู่ค้าจัดอบรม และสัมมนาแบบเฉพาะกลุ่ม รวมถึงทำโปรโมชั่นแบบเฉพาะกิจกระตุ้นตลาด แต่ละไตรมาสวางงบลงทุนทั้งการทำตลาด เพิ่มบุคลากร และสร้างจุดต่างให้ตัวเองไว้หลักหลายร้อยล้านบาท ซึ่งขณะนี้มีกำลังมองหาคู่ค้าเพิ่มมากขึ้นตามความเหมาะสม รับพนักงานใหม่ทุกยูนิต และเสริมทัพด้วยพนักงานระดับผู้บริหารตามที่บริษัทแม่เห็นสมควร
นอกจากนี้บริษัทยังมีเงินสนับสนุนด้านการทำตลาดจากออราเคิลเข้าช่วยเสริมตามการร้องขอไปเป็นรายโครงการ
เขาเชื่อว่า บริษัทมีข้อได้เปรียบทางการแข่งขัน เพราะอยู่ในตลาดมานานทำให้รู้จักโครงสร้างและความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น เป็นอย่างดี ทั้งบริษัทพยายามสร้างมูลค่าเพิ่มด้านการบริการ ประกอบกับพนักงานทุกตำแหน่งที่สำคัญต้องผ่านการอบรมและได้รับใบรับรอง จากบริษัทคู่ค้าอย่างออราเคิลด้วย
ปีนี้บริษัทได้รับผลพวงจากวิกฤติน้ำท่วมใหญ่ทำให้ตลาดชะลอ ตัว แต่น่าจะปิดรายได้ที่ 1,000 ล้านบาท ส่วนปีต่อๆ ไป ตั้งเป้ารายไว้ประมาณ 1,000 ล้านบาทตามเคพีไอที่บริษัทแม่วางไว้ ทั้งหวังจะเติบโต 10% ต่อปีตามไอดีซีประเมินตลาดรวม และหากสถานการณ์ในประเทศเป็นไปตามปกติคาดว่าบริษัทจะเติบโตได้ถึง 20%