อินเทลชี้ปี 55 ธุรกิจหนุนตลาดพีซีเติบโตสูง ย้ำแผนดันอัลตราบุ๊ค-ลุ้นปีหน้าคลอดซีพียูร่วมวงตลาดแทบเล็ต-สมาร์ทโฟน

อินเทล ฟันธงตลาดพีซีปีหน้ารุ่ง เหตุธุรกิจหวนซื้อสินค้าทดแทนส่วนที่เสียหายจากน้ำท่วม เผยแผนปีหน้าคลอดซีพียูรุ่นใหม่ "ไอวี่ บริดจ์" พร้อมลุ้นเวอร์ชั่นแรกหลังดันซีรีส์ "อะตอม" สำหรับแข่งขันในตลาดแทบเล็ต-สมาร์ทโฟน แต่ยังยืนยัน "เน็ตบุ๊ค" ไม่หาย แต่กลายพันธุ์

นายเอกรัศมิ์ อวยสินประเสริฐ กรรมการผู้จัดการ บริษัท อินเทล ไมโครอิเล็กทรอนิกส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า แนวโน้มการเติบโตของตลาดพีซีในปี 2555 มีสูงมาก เนื่องจากความเสียหายของธุรกิจในช่วงไตรมาส4ที่ผ่านมา โดยกระทบกับธุรกิจขนาดกลางถึงเล็ก (เอสเอ็มอี) กว่า 5 แสนราย และโรงงานต่างอีก 800 แห่ง

ทั้งนี้ทำให้อินเทลคาด ว่าตลาดรวมยอดจำหน่ายพีซีในปีหน้าจะเติบโตสูงมาก โดยเฉพาะกลุ่มเอสเอ็มอีที่จะต้องกลับมาซื้อพีซี และเซิร์ฟเวอร์เพื่อทดแทนส่วนที่เสียหาย โดยอินเทลคาด ว่าจะมีผลต่อยอดขายพีซีรวมในตลาดปีหน้ามีแนวโน้มจะสูงถึง 5 ล้านเครื่อง หรือโตราว 34-37% จากปีนี้คาดว่ายอดขายพีซีจะเหลือราว 3.7 ล้านเครื่อง โตต่ำกว่า 30%

ส่วนปัญหาขาดแคลนชิ้นส่วนฮาร์ดดิสก์สำหรับผลิต คอมพิวเตอร์คาดว่าจะคลี่คลายในช่วงไตรมาส2 ปีหน้า เพราะยังมีโรงงานที่ไม่ได้รับผลกระทบหลายแห่ง เช่น ซีเกท, ซัมซุง และฮิตาชิ ทำให้คาดว่าราคาสินค้าก็จะกลับมาอยู่ในระดับที่ควรจะเป็น

อย่างไรก็ตามสำหรับแผนของอินเทลใน ปี 2555 จะเปิดตัวโปรเซสเซอร์ (ซีพียู) ที่ใช้เทคโนโลยีการผลิตแบบ 22 นาโนเมตร โดยใช้โค้ดเนมว่าไอวี่ บริดจ์ ซึ่งจะมีผลให้พีซีสามารถทำงานได้ประสิทธิภาพดีขึ้น แต่ใช้พลังงานน้อยลง และสามารถดีไซน์ตัวเครื่องให้บาง และเบาได้มาก

"ปีหน้าจะเป็นปีที่ เราดันอัลตราบุ๊คเป็นเฟสที่ 2 โดยจะทำให้เกิดส่วนแบ่งตลาดให้ได้ 40% ซึ่งปัจจัยสำคัญนอกเหนือจากเทคโนโลยีที่ดีขึ้นคือ ราคาเครื่องที่จะเริ่มได้เห็นต่ำกว่า 999 ดอลลาร์ และ 799 ดอลลาร์ได้ ซึ่งจะทำให้คอนซูเมอร์เกิดการใช้ได้แพร่หลายมากขึ้น โดยตอนนี้มีผู้ผลิตพีซี 5 แบรนด์แล้วที่เริ่มพัฒนาอัลตราบุ๊คออกมา เช่น เอเซอร์ และเอซุส" นายเอกรัศมิ์กล่าว

พร้อมกันนี้ยังจะเป็นช่วงที่คาดว่าบริษัทจะสามารถเปิดตัวโปรเซสเซอร์สำหรับแทบเล็ต และสมาร์ทโฟน เป็นครั้งแรกจากอินเทล โดยพัฒนาจากชิพเซตในตระกูลอะตอม

"ปีหน้าจะเริ่มเห็นแทบเล็ตที่ใช้ซีพียูอินเทลเข้า ไปอยู่ในเอ็นเตอร์ไพรซ์มากขึ้น ด้วยคุณสมบัติ และราคาที่ยังเหมาะกับตลาดระดับองค์กรมากกว่า รวมทั้งจะได้เห็นแทบเล็ตสำหรับการศึกษาที่มีคุณสมบัติทนทาน และอินเทลก็ได้เริ่มเข้าไปคุยกับภาครัฐบ้างแล้วว่ามีเทคโนโลยีแบบนี้" นายเอกรัศมิ์กล่าว

อย่าง ไรก็ตามเขายังย้ำว่า อนาคตของตลาดเน็ตบุ๊ค ซึ่งเคยมีจุดเด่นที่ใช้โปรเซสเซอร์อะตอมก็จะยังคงอยู่ในตลาด แต่จะเริ่มลดสัดส่วนลงเหลือต่ำกว่า 5-7% และจะเริ่มปรับปรุงคุณสมบัติให้รองรับการทำงานที่เหมาะกับผู้ใช้มากขึ้น เช่น จอแบบมัลติทัช

นายเอกรัศมิ์ระบุว่า ส่วนของเทรนด์ของเทคโนโลยีพีซีสำหรับคอนซูเมอร์จะเริ่มมีจอที่หลากหลายมาก ขึ้น ไม่ว่าจะเป็นโน้ตบุ๊ค, แทบเล็ต และสมาร์ทโฟน ซึ่งคอนซูเมอร์จะเป็นผู้ที่ชี้ชัดว่ารูปแบบใดจะได้รับความนิยม หรือเหมาะกับการใช้งานมากที่สุด

แต่ทั้งนี้ก็จะเริ่มเห็นเทรนด์ของ "ความปลอดภัย" ของการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตผ่านอุปกรณ์เหล่านี้เป็นเรื่องใหญ่สำหรับผู้ใช้ งานมากขึ้น