ทีเอ็นเอส ชี้คอโซเชียลฯไทย 50%ไม่ต้องการถูกแบรนด์รบกวน ผู้บริโภค"เปลี่ยนขั้ว"กุมอำนาจกำหนดทิศทางการตลาด

"ที เอ็นเอส" โชว์ผลสำรวจพฤติกรรมผู้บริโภคยุคออนไลน์ ชี้มากกว่าครึ่ง "ไม่ต้องการให้แบรนด์รบกวนบนโซเชียล เน็ตเวิร์ค" ยันคนไทยส่วนใหญ่ยังดู "ทีวี" เป็นอันดับหนึ่ง "ท่องเน็ต" เป็นอันดับสอง แนะแบรนด์ทำความเข้าใจใหม่จับโอกาสธุรกิจโลกออนไลน์

นายอาร์โนล เฟรด ผู้อำนวยการภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกด้านกลยุทธ์ดิจิทัลของกลุ่มทีเอ็นเอส บริษัทวิจัยด้านการตลาดในกลุ่มกันตาร์จากเครือดับบลิวพีพี กล่าวว่า พฤติกรรมผู้บริโภคที่ใช้อินเทอร์เน็ตส่วนใหญ่ไม่ต้องการถูกแบรนด์รบกวนบนโซ เชียล เน็ตเวิร์ค ซึ่งเป็นการสะท้อนให้เห็นว่าแบรนด์ส่วนใหญ่ยังไม่มีกลยุทธ์ดิจิทัลที่ดีพอ กับผู้บริโภคในยุคออนไลน์

ผลสำรวจ "ทีเอ็นเอส ดิจิทัลไลฟ์" ซึ่งได้สำรวจความเห็นจากผู้บริโภค 72,000 คนใน 60 ประเทศทั่วโลกรวมไทย พบว่า 52% ของชาวออนไลน์ไทยไม่ต้องการมีส่วนร่วมกับแบรนด์บนโซเชียล มีเดีย ซึ่งใกล้เคียงกับชาวออนไลน์ในหลายประเทศ เช่น สหรัฐ 60% และอังกฤษ 61% ขณะที่ภาพรวมทั่วโลกอยู่ที่ 53%

"โซเชียล เน็ตเวิร์ค เป็นแหล่งที่ดีในการหาข้อมูลเพิ่มเติม แต่แบรนด์ต่างๆ ก็ควรใช้กลยุทธ์ดิจิทัลอย่างระมัดระวัง และไม่เป็นการลงทุนที่สูญเปล่า" นายเฟรด กล่าว

ผลสำรวจดังกล่าวยังระบุอีกว่า 57% ของผู้ถูกสำรวจจะเชื่อถือคนอื่นที่พูดถึงแบรนด์มากกว่าที่แบรนด์พูดถึงตัว เอง และ 54% จะเชื่อความคิดเห็นของเพื่อนที่มีต่อแบรนด์มากกว่าข้อมูลจากแบรนด์โดยตรง โดยกลุ่มสินค้าที่ได้รับความนิยมหาข้อมูลออนไลน์ก่อนตัดสินใจซื้อมากที่สุด 5 อันดับแรกคือ ข้อมูลท่องเที่ยว, มือถือ, รถยนต์, โทรทัศน์ และบริการบัตรเครดิต

นักการตลาดต้องเข้าใจ
นอก จากนี้ยังเป็นยุคที่อำนาจของผู้บริโภคเปลี่ยนขั้วจากที่เคยเป็นผู้รับสารจาก แบรนด์อย่างเดียว กลายเป็นแบรนด์จะต้องรีบตอบสนองผู้บริโภคให้เร็วที่สุดเมื่อผู้บริโภคต้อง การข้อมูลจากแบรนด์โดยโพสต์ข้อความต่างๆ ผ่านโซเชียล เน็ตเวิร์ค

นาย เฟรดระบุว่า ข้อมูลดังกล่าวชี้ให้เห็นว่าแบรนด์ต่างๆ ยังเข้าใจกลยุทธ์ดิจิทัลผิดๆ ทำให้เกิดการลงทุนเพื่อสร้างขยะดิจิทัลจำนวนมาก เช่น หน้าเพจบนเฟซบุ๊ค หรือบล็อกที่ไม่มีคนเข้า

"จุดเด่นของโซเชียล เน็ตเวิร์คคือความรวดเร็วทำให้ได้รับความนิยมอย่างรวดเร็ว เห็นได้ชัดในไทยช่วงเกิดเหตุน้ำท่วมที่จะเห็นคนทวิตเพื่อบอกข่าวสารข้อมูล กันเป็นจำนวนมาก แม้ระบบโครงสร้างพื้นฐานด้านอินเทอร์เน็ตจะอยู่ในขั้นกำลังพัฒนา ต่างกับประเทศที่อินเทอร์เน็ตครอบคลุมแล้ว เช่น เนเธอร์แลนด์ แต่กลับมีผู้ต้องการใช้ข้อมูลผ่านอินเทอร์เน็ตไม่มาก ซึ่งเป็นสิ่งที่ท้าทายนักการตลาดที่จะต้องทำความเข้าใจกับพฤติกรรมผู้บริโภค ยุคใหม่" นายเฟรดกล่าว

คนไทยดูทีวีอันดับ1
นาง สาวอาภัสรา สังขวิจิตร รองผู้อำนวยการด้านดิจิทัลและเยาวชน บริษัท ทีเอ็นเอส รีเสิร์ช อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทย เสริมว่า พฤติกรรมการใช้สื่อของผู้บริโภคคนไทยพบว่า 68% จะใช้อินเทอร์เน็ตเพื่อการสื่อสารและความบันเทิง, 24% หาข้อมูล และ 9% ใช้เพื่อการจัดการชีวิตส่วนตัว

ผลสำรวจดังกล่าวยังพบว่า ผู้บริโภคไทยยังคง "ดูทีวี" มากที่สุดต่อวันหรือราว 88% ขณะที่ "ใช้อินเทอร์เน็ต เพื่อความบันเทิงส่วนตัว" เป็นอันดับ 2 หรือ 64% และ "ใช้อินเทอร์เน็ตเพื่อการทำงาน" เป็นอันดับ 3 หรือ 33% ส่วน "อ่านหนังสือพิมพ์" เป็นอันดับ 3 หรือ 28% และ "ฟังวิทยุ" 25%

ขณะ ที่การใช้อุปกรณ์เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตของคนไทยพบว่า 69% ใช้พีซีที่บ้าน, 23% ใช้พีซีที่ทำงาน, 15% ใช้พีซีที่โรงเรียน/มหาวิทยาลัย, 7% ใช้พีซีจากที่อื่นๆ และ 30% ใช้อินเทอร์เน็ตจากมือถือ

อัตราท่องเน็ตโต10%ต่อปี
ปัจจุบันคนใช้ใช้อินเทอร์เน็ตราว 24% ของประชากรทั้งประเทศ 60-70 ล้านคน และมีอัตราเติบโตราว 10% ต่อปี

"แนวโน้มคนไทยใช้อินเทอร์เน็ตเยอะขึ้น แต่ก็ไม่ได้แปลว่าอินเทอร์เน็ตจะเข้ามาแทนที่สื่อเดิม เช่น ทีวี แต่จะเป็นสื่อที่เข้ามาเสริมกันมากกว่า เช่น คนที่กำลังเดินช้อปปิ้งอยู่ก็สามารถใช้อินเทอร์เน็ตเพื่อหาข้อมูล หรือติดต่อสื่อสารต่างๆ ได้พร้อมๆ กัน หรือพฤติกรรมที่พบบ่อยเช่น คนที่ท่องอินเทอร์เน็ตก็มักจะเปิดทีวีไปพร้อมๆ กันด้วย" นางสาวอาภัสรา กล่าว

อย่างไรก็ตามผู้บริหารทีเอ็นเอสแนะว่า แบรนด์ต่างๆ ควรระวังการทำการตลาดออนไลน์ โดยไม่ควรลงทุนกับกลยุทธ์ออนไลน์ทั้งหมดจนละทิ้งการลงทุนกับช่องทางเดิมๆ เช่น ทำโปรโมชั่นออนไลน์แต่ไม่ปรับปรุงรายการสินค้าให้ตรงกับโปรโมชั่นที่ให้ ข้อมูลไว้

รวมทั้งยังควรต้องเปิดโอกาสให้ผู้บริโภคเข้ามามีส่วนร่วม กับแบรนด์มากขึ้น และควรต้องพัฒนาคอนเทนท์ให้เหมาะสมกับอุปกรณ์รับสารที่แตกต่างกันไม่ว่าจะ เป็นพีซี, โทรศัพท์มือถือ และแทบเล็ต

นอกจากนี้ยังควรต้องตอบสนองกับผู้บริโภคออนไลน์ให้รวดเร็ว เช่น การตอบคอมเมนท์ต่างๆ หรือให้ข้อมูลที่ผู้บริโภคต้องการอย่างทันท่วงที



Tags : โซเชียลมีเดีย