ตลาดไอทียอดขายวูบ 40% รอฟื้นปีหน้า
นายเอกชัย ศิริจิระพัฒนา กรรมการผู้อำนวยการ บมจ.ไอที ซิตี้ กล่าวว่า ผลกระทบจากน้ำท่วมทำให้ไอทีซิตี้ต้อง ปิดสาขาลง 9 แห่ง โดยขณะนี้กลับมาเปิดแล้ว 7 สาขา เหลืออีก 2 สาขา คือ ห้างเซียร์ รังสิต และบางใหญ่ จ.นนทบุรี คาดว่า จะกลับมาเปิดได้ปกติราวกลางเดือน ธ.ค.นี้
"กลางเดือน ธ.ค. ไอทีซิตี้ ทุกสาขาจะเปิดให้บริการครบตามปกติ และคาดว่ากำลังซื้อไอทีจะเริ่มกลับคืนมา ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นการซื้อเทคโนโลยีใหม่ ทดแทนเครื่องเก่าที่ใช้มาเป็นเวลานาน ไม่ใช่ซื้อเพื่อทดแทนเพราะถูกน้ำท่วม ผมคิดว่า กำลังจะค่อยๆ ไต่กลับขึ้นมา และหวังว่าไตรมาสแรกของปี 2555 จะฟื้นกลับขึ้นมาได้สูงสุดอีกครั้ง"
ทั้งนี้ ยอดขายของไอที ซิตี้ ช่วงไตรมาสที่ 4 ของปีนี้ ติดลบ 15% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเทียวกันของปี 2553 เติบโตทั้งปี 5% จากที่ตั้งเป้าไว้ 10% กระนั้น บริษัทยังเปิดสาขาใหม่ได้ตามเป้า คือ 8 สาขา บริษัทคาดว่า ปี 2555 ยอดขายจะฟื้นกลับมาโตได้ไม่ต่ำกว่า 20% ทั้งยังคงแผนเดิมที่จะเปิดสาขาใหม่เพิ่มอีก 12 สาขา
เขากล่าวว่า ครั้งนี้ถือเป็นผลกระทบระยะสั้นจากภัยธรรมชาติ ไม่ลากยาวเหมือนวิกฤติเศรษฐกิจที่เคยเจอ ดังนั้น แผนที่เคยใช้ช่วงวิกฤติเศรษฐกิจก็ถูกดึงมาใช้ในสถานการณ์ครั้งนี้ ซึ่งยังรองรับ และดำเนินธุรกิจต่อไปได้
อย่างไรก็ตาม เขาเชื่อว่า สินค้าไอทีชนิดสินค้าสำเร็จรูปจะยังมีวางจำหน่ายเหมือนปกติ ทั้งคอมพิวเตอร์ โน้ตบุ๊ค และอุปกรณ์ต่างๆ โดยได้รับการยืนยันจากผู้ผลิตแบรนด์เนมยังมีสต็อกสินค้าเพียงพอต่อความต้อง การของลูกค้า ทั้งยังเชื่อว่า วิกฤตฮาร์ดดิสก์จะยังไม่กระทบถึงสต็อกสินค้า ณ วันนี้ และจะไม่ทำให้สินค้าไอที โดยเฉพาะคอมพิวเตอร์ปรับราคาขึ้น เพราะฮาร์ดดิสก์เป็นต้นทุนไม่ถึง10% ของพีซี
ขณะที่ นายสมชัย สิทธิชัยศรีชาติ กรรมการผู้จัดการ บมจ.เอสไอเอส ดิสทริบิวชั่น (ประเทศไทย) หรือเอสไอเอส กล่าวก่อนหน้านี้ว่า จากสถานการณ์น้ำท่วมที่เกิดขึ้นคาดว่าจะทำให้ยอดขายไตรมาส 4 ลดลงจากไตรมาสก่อนราว 30% เนื่องจากติดขัดเรื่องการขนส่งสินค้าจากซัพพลายเออร์ โดยรายได้ช่วง 9 เดือนแรกยังอยู่ในเกณฑ์ดี หรือ 17,360 ล้านบาท สูงกว่าปีก่อนทั้งปี ดังนั้นจึงมั่นใจว่ารายได้ทั้งปียังคงโตกว่าอุตสาหกรรมไอทีที่คาดว่าจะโต 12%
เขายอมรับว่า น้ำท่วมทำให้ต้องเลื่อนแผนการออกสินค้าใหม่ 2-3 ประเภท ซึ่งเป็นสินค้าเกี่ยวกับอุปกรณ์ไอที โทรศัพท์มือถือ ไปเป็นปีหน้า จากเดิมไตรมาส 4
“ผลกระทบน้ำท่วมที่เกิดขึ้น กระทบต่อยอดขายเรา โดยเฉพาะลูกค้าที่ไม่สามารถส่งสินค้าให้ได้ เรามียอดขายต่อสัปดาห์ 400 ล้านบาท แต่ตอนนี้หายไป 30-50% ต่อสัปดาห์ เดือน ต.ค.เดือนเดียวหายไป 40% เราก็ได้คุยกับซัพพลายเออร์ขอเลื่อนการส่งมอบสินค้าออกไป ก็ทำได้เพียงบางส่วน" นายสมชัย กล่าว
ค่ายคอมพ์หันผลิตเครื่องราคาสูง
นายวีระ อิงค์ธเนศ กรรมการผู้จัดการ บมจ.เอสวีโอเอ กล่าวว่า เดือน ธ.ค. ต้องกลับมาเร่งยอดขาย เพราะเดือน พ.ย. หายไปทั้งเดือน ยังไม่แน่ใจว่าจะชดเชยรายได้ที่หายไปครบถ้วนหรือไม่ จากเคยคาดการณ์เติบโตทั้งปี 10% อาจเพิ่ม 2-3% หรือไม่โตเลย แต่กำไรอาจไม่ลด เพราะมีรายได้จากบริการซ่อมบำรุง และทำรายได้จากคอมพิวเตอร์ที่มีเอกชนซื้่อไปบริจาคโรงเรียนน้ำท่วม ซึ่งมีของอยู่อีก 2-300 เครื่อง คาดว่าจะจำหน่ายหมดภายในธ.ค.นี้
เขา เชื่อว่า ตลาดจะกลับมาต้นปีหน้า เพราะช่วงนี้ส่วนใหญ่เป็นการทำความสะอาดบ้าน ซื้อเฟอร์นิเจอร์ใหม่ คอมพิวเตอร์ยังไม่จำเป็นเพราะเป็นสิ่งแรกที่ยกหนีน้ำเป็นอันดับแรก
อย่าง ไรก็ตาม ไตรมาสที่ 4 ไม่ใช่ไตรมาสที่ทำยอดขายดีที่สุดของจากทั้งปี โดยรายได้ทั้งปีจะมาจากไตรมาสที่ 1 ประมาณ 20-22% ไตรมาสที่ 2 ประมาณ 25% ไตรมาสที่ 3 ประมาณ 28-30% ไตรมาสที่ 4 ประมาณ 20%
"การเติบโตปี หน้า ขึ้นกับสถานการณ์ ซัพพลาย ดีมานด์ โรงงานผลิตฮาร์ดดิสก์รายใหญ่น้ำท่วมไป แถมผู้ผลิตมอเตอร์ป้อนโรงงานฮาร์ดดิสก์ทุกยี่ห้อก็ถูกน้ำท่วมด้วย จะกลับมาผลิตป้อนตลาดได้เพียงพอความต้องการหรือไม่ ปัจจุบันความต้องการฮาร์ดดิสก์ในตลาดเพิ่มขึ้น ทำราคาขึ้นไปแล้ว 30% ทั้งสินค้ามีไม่สม่ำเสมอ ทำต้นทุนโน้ตบุ๊คจะขึ้นประมาณ 10%"
แนว โน้มปีหน้า ผู้ผลิตคอมพิวเตอร์จะหันไปมุ่งผลิตเครื่องโน้ตบุ๊ค พีซีระดับบนที่ทำราคาสูง สินค้ากำไรต่ำหรือเอ็นทรี เลเวล จะเริ่มผลิตประมาณไตรมาสที่ 2 หรือ 3 เมื่อสถานการณ์กลับมาเป็นปกติแล้ว