"กรุงเทพไอที" สัมภาษณ์พิเศษ ผู้บริหารไซแมนเทค ผู้คร่ำหวอดชนิดคลุกวงใน ถึงปรากฏการณ์เทคโนโลยีแห่งอนาคตทั้ง คลาวด์ และเวอร์ช่วลไลซ์

ประเด็น ที่ฮอตเบียดทุกกระแสตกขอบเวทีไปหมดขณะนี้ หนีไม่พ้นวิกฤตน้ำในไทยที่ทำเอาห่วงโซ่การผลิตสินค้าน้อยใหญ่ทั่วโลกติดหาง เลขได้รับผลกระทบไปไม่มากก็น้อย ขณะเดียวกันยังมีคลื่นลูกใหม่ของภาวะเศรษฐกิจโลกที่ส่อเค้าทรุดลุกลามเข้ามา ปะทะอีกระลอก ทำเอาองค์กรทุกขนาด "ตื่นตัว" เตรียมพร้อมรัดเข็มขัดตัวเอง กระทั่งพาลให้ตลาดหงอยเหงาจนหลายคนเริ่มเซ็งนั่งรอเวลาว่าเมื่อไหร่จะผ่าน พ้นไปได้สักที

จังหวะนี้เองในแวดวงธุรกิจเริ่มพูดถึงวิธีการรับมือ สิ่งที่ไม่คาดฝัน พร้อมมองหาลู่ทางพาตัวเองออกจากสถานการณ์เลวร้ายในแบบที่ดีที่สุด เจ็บตัวน้อยที่สุด และประหยัดที่สุดซึ่งหลายๆ ประเด็นที่พูดถึงกันนั้นมีเทคโนโลยีไอทีที่ประกอบไปด้วย “โมบิลิตี้” “คลาวด์ คอมพิวติ้ง” และ “เวอร์ชวลไลเซชั่น” เป็นทางเลือกที่เข้ามาแผ่อิทธิพลในสัดส่วนที่มากจนไม่อาจประเมินได้

"กรุงเทพ ไอที" มีมุมมองจากผู้เชี่ยวชาญที่มีประสบการณ์คว่ำหวอดชนิดคลุกวงใน ทั้งในเอเชียและทั่วโลกระดับขุนพลใหญ่ มาสะท้อนเทรนด์ความเปลี่ยนแปลงที่อาจจะเกิดขึ้นพร้อมมุมมองต่อตลาดเกิดใหม่ เอเชียใต้รวมทั้งไทยที่ใครต่อใครต่างให้ความสนใจ ตบเท้าเข้ามาทุ่มทั้งเงินและทรัพยากรกันไม่ขาดสายจนมีตอนต่อไปให้ติดตามอยู่ ตลอดเวลา...
ชู3เทคโนฯ เปลี่ยนเกม

“เอ็นริเก้ เซเลม” กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ไซแมนเทค คอร์ปอเรชั่น เปิดเผยในงาน “ไซแมนเทค วิชั่น 2011” จัดขึ้นที่ประเทศสิงคโปร์เร็วๆ นี้ ว่าเทรนด์เทคโนโลยีไอที 3 ประเภท ประกอบด้วย "โมบิลิตี้" "คลาวด์ คอมพิวติ้ง" และ "เวอร์ชวลไลเซชั่น" กำลังเข้ามาเปลี่ยนวิถีการดำเนินธุรกิจขององค์กรทั่วโลก เป็นทั้งโอกาส และวิกฤตที่ก่อให้เกิดความเสี่ยงต่อทรัพย์สินของบริษัทที่ไม่ใช่แค่ด้าน ฮาร์ดแวร์หรือโครงสร้างพื้นฐานแต่เป็นทรัพย์สินทางปัญญา ข้อมูลทางการเงิน รวมทั้งชื่อเสียงที่ไม่อาจประเมินค่าได้

เขาบอกว่า ไซแมนเทคใน ฐานะผู้เชี่ยวชาญในระบบซอฟต์แวร์รักษาความปลอดภัย และโซลูชั่นสำหรับบริหารจัดการทรัพยากร กำลังเป็น “ตัวช่วย” เพื่อรองรับการขยายตัวอย่างไร้ขอบเขต ก่อให้เกิดภัยคุกคามรูปแบบใหม่ๆ ซึ่งพุ่งเป้าไปที่การใช้งานส่วนบุคคล เอกชน และภาครัฐ โดยเฉพาะการสื่อสารบนโซเชียล เน็ตเวิร์ค รวมถึงความชาญฉลาดมากขึ้นของอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์แบบพกพาที่เหมารวมไว้ว่า เป็นโมบาย ดีไวซ์ หรือแม้แต่กระดานชนวนอิเล็กทรินิกส์ที่ฮอตที่สุดแห่งยุคอย่าง ไอแพด ซึ่งที่ผ่านมาถูกถามเข้ามาจากทุกหนทุกแห่งว่า หากนำไปใช้แล้วจะมีโซลูชั่นด้านความปลอดภัยรองรับหรือไม่

ไซแมนเทค พบว่า การเติบโตด้านการสื่อสารนอกจากมีส่วนช่วยเพิ่มผลิตผลให้ธุรกิจ เวลาเดียวกันยังได้เพิ่มความเสี่ยงและค่าใช้จ่ายสำหรับการทำระบบรักษาความ ปลอดภัย โดยรายงานภัยคุกคามบนอินเทอร์เน็ตทั่วโลกของไซแมนเทคพบ ว่าปี 2552 เทียบกับปี 2553 ช่องโหว่ทางโมบายมีจำนวนเพิ่มขึ้นถึง 42% เป็นสัญญาณที่บ่งบอกว่าอาชญากรรมบนโลกไซเบอร์ได้พุ่งเป้าไปในพื้นที่ที่เป็น โมบายมากขึ้นแล้ว

รุกประชิดสนามเอเชีย
ขุนพลแห่งไซแมนเทค บอกด้วยว่า บริษัทยกให้เอเชียใต้เป็นตลาดที่สำคัญมากเพราะเป็นตลาดใหญ่ มีความหลากหลายทางประชากร เทรนด์ความนิยมการใช้ไอที และความต้องการที่ส่งผลให้ศักยภาพการเติบโตสูงมาก

“เป็นเวลาของการ เปลี่ยนแปลงที่ยิ่งใหญ่ในอุตสาหกรรมไอทีที่มีคอนซูเมอร์เทคโนโลยีเป็นตัวแปร สำคัญ และนับว่าเป็นความท้าทายสำหรับเราอย่างมากในการเข้ามาทำตลาดในภูมิภาคนี้ เราเองมีแผนเข้ามาลงทุนต่อเนื่องเช่นกัน”

อย่างไรก็ตาม ในความแตกต่างของตลาดเอเชียเกิดใหม่ที่บางแห่งแทบเล็ตโตแรง บางแห่งสมาร์ทโฟนได้รับความนิยมสูงมาก บริษัทไม่รู้สึกกดดันหรือกังวลในการทำตลาด เนื่องจากมีการกำหนดโพสิชั่นไว้ชัดเจนเป็นเป้าหมายเดียวว่ามีหน้าที่เข้าไป ช่วยบริหารจัดการด้านข้อมูลและระบบรักษาความปลอดภัยให้ลูกค้า

“หน้าที่ ของเราคือเข้าไปดูว่าข้อมูลของลูกค้ามีอะไร มากแค่ไหนแล้วเข้าไปช่วยตรงจุดนั้นๆ ในแผนการเลือกตลาดหลายรายอาจมองที่จีดีพีของประเทศว่ามีอัตราการเติบโต เท่าใด แต่เราจะเข้าไปในพื้นที่ที่สามารถควบคุมได้ ไม่หว่านแบบไม่มีจุดหมาย ไม่มีนโยบายแข่งขันด้วยสงครามราคา เพราะถือว่าหากผลิตภัณที่คุณภาพดี ต่างต่างจากรายอื่นท้ายที่สุดลูกค้าจะเข้ามาหาเอง” นายเซเลม กล่าว

ปรับโรดแมปแต่ยังกลัว
ผู้บริหารไซแมนเทค ให้ข้อมูลว่า องค์กรส่วนใหญ่ในเอเชียใต้มีความต้องการเปลี่ยนแปลงตัวเองให้ก้าวทัน เทคโนโลยี รวมทั้งมีความเชื่อว่าการย้ายเข้าไปสู่เทคโนโลยีใหม่ๆ เช่นคลาวด์ คอมพิวติ้งจะก่อให้เกิดผลประโยชน์ทางธุรกิจที่สำคัญ บางส่วนแม้เริ่มปรับโรดแมปเข้าไปเต็มตัวแล้ว แต่ทางปฏิบัติยังไม่อาจตัดสินใจเปลี่ยนแปลงได้ทันทีเพราะยังมีความกังวลที่ ว่าคลาวด์จะนำความเสี่ยงต่างๆ มาให้

สะท้อนได้จากผลการสำรวจกลุ่ม ตัวอย่างกว่า 5,300 บริษัทใน 38 ประเทศทั่วโลกซึ่งมีบริษัทจากเอเชียใต้จำนวน 1,100 รายที่บอกว่าแม้จะมีการพิจารณากันอย่างรอบคอบแล้ว หลายๆ องค์กรยังไม่พร้อมที่จะใช้คลาวด์แบบเต็มรูปแบบ มีผู้ตอบแบบสำรวจเพียง 13-17% ที่ระบุว่าทีมงานมีความพร้อมรับการเปลี่ยนแปลง แต่มากกว่าครึ่งหรือ 52% กล่าวว่ายังไม่พร้อม

นอกจากนี้ส่วนหนึ่งของเหตุผลที่ไม่พร้อม คือ ขาดประสบการณ์ จากกลุ่มตัวอย่างมีเพียง 30% ที่บอกว่าทีมไอทีของตนเองมีความเชี่ยวชาญ ส่งผลทำให้องค์กรส่วนใหญ่สัดส่วนมากถึง 3 ใน 4 ตัดสินใจว่าควรหันไปใช้บริการจากบริษัทเอาท์ซอร์ทภายนอก หรือใช้วิธีการปรับโครงสร้างพื้นฐานแบบลูกผสมลักษณะแพลตฟอร์มแอสอะเซอร์วิ สแทน

พร้อมกับเผยด้วยว่า ส่วนของไซแมนเทคนอกจากปรับกลยุทธ์เพื่อโฟกัสการทำตลาดนี้อย่างจริงจังแล้ว กับหัวเว่ย เทคโนโลยีแม้จะแยกธุรกิจบริษัทร่วมทุน “หัวเว่ย-ไซแมนเทค” กันอย่างเด็ดขาดไปแล้ว แต่ในโมเดลธุรกิจใหม่ๆ ทั้ง 2 บริษัทมีแผนผลักดันธุรกิจร่วมกันต่อไป และยังคงความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันไว้เหมือนเดิม